ดูเหมือนว่าวิธีการจัดจำหน่ายภาพยนตร์แบบลูกผสม (Hybrid Distribution) จะกลายเป็นกลยุทธ์หลักที่ค่ายหนังหลายเจ้าใช้ในโลกยุคหลังการระบาดของโควิด-19 ไปแล้ว เมื่อล่าสุดทางดิสนีย์ออกมาประกาศว่า Black Widow ภาพยนตร์เรื่องแรกของไทม์ไลน์เฟสที่ 4 จากสตูดิโอมาร์เวลจะเข้าฉายพร้อมกันในโรงภาพยนตร์และสตรีมมิง Disney+ วันที่ 7 กรกฎาคม 2021 หลังก่อนหน้านี้ตัวภาพยนตร์ถูกเลื่อนกำหนดการฉายไปมาอยู่หลายรอบ
โดยผู้ที่สมัครใช้บริการ Disney+ จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม 30 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 900 บาทเป็นค่าตั๋วรับชม Black Widow ขณะที่ Cruella ภาพยนตร์ ไลฟ์แอ็กชันเรื่องล่าสุดจากดิสนีย์ที่นำแสดงโดยดาราสาวดีกรีรางวัลออสการ์อย่าง เอ็มมา สโตน ก็จะเข้าฉายพร้อมกันในโรงภาพยนตร์และสตรีมมิง Disney+ ในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ ส่วน Luca ภาพยนตร์แอนิเมชันน่าดูเรื่องใหม่จากสตูดิโอ Pixar จะไม่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ แต่จะไปลงใน Disney+ ทีเดียวในวันที่ 18 มิถุนายน ช่วงฤดูร้อนของสหรัฐฯ
การเดินเกมธุรกิจในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของดิสนีย์ครั้งนี้ช่วยตอกย้ำให้เราเห็นว่าพวกเขาพร้อมปรับตัวตลอดเวลาเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์โลก และมีความต้องการผลักดันนำเสนอผลงานทั้งในรูปแบบออริจินัลคอนเทนต์ รวมถึงภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นจากสตูดิโอภายใต้การดูแลเพื่อนำมาจัดจำหน่ายในรูปแบบ Video on Demand (จ่ายเงินเพื่อรับชมทางออนไลน์) ผ่านช่องทางสตรีมมิงของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม โดยทาง บ็อบ ชาเพก ซีอีโอของดิสนีย์กล่าวว่า กฎเกณฑ์หรือวิธีการจัดจำหน่ายภาพยนตร์แบบเดิมๆ นั้นใช้กับโลกยุคนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“การประกาศนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่พยายามเพิ่มทางเลือกให้แก่เหล่าผู้บริโภค และตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ชมด้วยการใช้กลยุทธ์การจัดจำหน่ายที่ยืดหยุ่นสำหรับตลาดภาพยนตร์ที่ไม่หยุดนิ่ง ซึ่งกำลังฟื้นตัวขึ้นหลังต้องเผชิญกับโรคระบาด เราจะเลือกใช้วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการเล่าเรื่องราวอันน่าทึ่งของดิสนีย์เพื่อแฟนๆ ทั่วโลก” คารีม แดเนียล ประธานฝ่ายการจัดจำหน่ายสื่อและความบันเทิงของดิสนีย์ กล่าว
แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขทั้งจำนวนผู้รับชมและจำนวนเงินที่ดิสนีย์ได้รับจากการพยายามนำเสนอผลงานผ่านช่องทางสตรีมมิงของตัวเองโดยเฉพาะกับระบบ Video on Demand เหมือนที่ทำกับ Mulan (2020) และ Raya and the Last Dragon ออกมาให้เห็นว่าประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน แต่เราเชื่อว่าดิสนีย์ค่อนข้างไปได้สวยกับโมเดลธุรกิจนี้ เพราะปัจจุบันโรงภาพยนตร์หลายแห่งในเมืองใหญ่ๆ เช่น ลอสแอนเจลิส หรือนิวยอร์ก ที่เป็นแหล่งโกยเงิน กำลังจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ซึ่งถ้ากลยุทธ์แบบลูกผสมมันไม่เวิร์กจริง พวกเขาก็คงยกเลิกแผนการตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วตัดสินใจรอส่งภาพยนตร์เข้าฉายในโรงอย่างเดียว
ภาพ: Marvel
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: