Black Panther: Wakanda Forever กับ 4 เกร็ดน่าสนใจของภาพยนตร์

ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ที่ผู้ชมทั่วโลกต่างตั้งตารอมากที่สุดของปีนี้ สำหรับ Black Panther: Wakanda Forever ผลงานเรื่องล่าสุดจาก Marvel Studios และยังถือเป็นภาพยนตร์ปิดเฟสที่ 4 ของจักรวาล Marvel Cinematic Universe อีกด้วย

THE STANDARD POP ถือโอกาสรวบรวม 4 เกร็ดน่าสนใจของ Black Panther: Wakanda Forever มาให้ทุกคนได้ชมกัน เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนออกเดินทางไปยังวาคานด้ากันอีกครั้ง 9 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

1. ความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ของ Black Panther (2018) และพล็อตเรื่องดั้งเดิมของ Black Panther 2

Black Panther (2018) นับว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์จาก Marvel Studios ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั้งในแง่ของรายได้และคำวิจารณ์ โดยภาพยนตร์สามารถกวาดรายได้รวมทั่วโลกไปได้สูงถึง 1,346 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งได้รับคะแนนรีวิวจากนักวิจารณ์บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 96% รวมถึงยังเป็นภาพยนตร์จาก Marvel Studios เรื่องแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

ซึ่งหลังจากที่ภาพยนตร์เข้าฉายได้ไม่นานนัก ทาง Marvel Studios ก็ได้ประกาศสร้างภาคต่อในทันที ซึ่งยังคงได้ Ryan Coogler กลับมานั่งแท่นผู้กำกับ รวมถึงทีมนักแสดงจากภาคแรกที่จะกลับมาสานต่อเรื่องราวของพวกเขา โดยในช่วงแรกเริ่ม Black Panther 2 ถูกวางกำหนดฉายไว้ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2022 และจะเริ่มต้นเปิดกล้องถ่ายทำในช่วงปลายปี 2019 ถึงต้นปี 2020

โดยผู้กำกับ Ryan Coogler และมือเขียนบท Joe Robert Cole ได้วางพล็อตเรื่องดั้งเดิมของ Black Panther 2 ก่อนที่ Chadwick Boseman จะเสียชีวิตไว้ว่า ภาพยนตร์จะเล่าถึงเรื่องราวผ่านมุมมองของ T’Challa ภายหลังเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame (2019) กับบทบาทของการเป็นกษัตริย์แห่งวาคานด้า เพื่อพาผู้ชมเข้าไปสำรวจความรู้สึกและความเปลี่ยนแปลงของ T’Challa ในฐานะผู้นำ

กระทั่งวันที่ 28 สิงหาคม 2020 โลกภาพยนตร์ก็ได้สูญเสียหนึ่งในนักแสดงมากมืออย่าง Chadwick Boseman ไปอย่างกะทันหันในวัย 43 ปี หลังจากที่เขาต่อสู้กับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มานานกว่า 4 ปี (Chadwick Boseman ตรวจพบว่าตนเองกำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ระยะที่ 3 ในปี 2016)

2. การเปลี่ยนแปลงของ Black Panther 2 หลัง Chadwick Boseman เสียชีวิต

ภายหลังเหตุการณ์เสียชีวิตของ Chadwick Boseman หนึ่งในคำถามใหญ่ที่เกิดขึ้นตามมาคือ Marvel Studios จะทำอย่างไรกับอนาคตของตัวละคร T’Challa รวมถึงทิศทางของ Black Panther 2 จะเป็นอย่างไรต่อไป

โดยในเดือนธันวาคม 2020 หัวเรือใหญ่ของ Marvel Studios อย่าง Kevin Feige ได้ออกมายืนยันกับผู้ชมว่าทางสตูดิโอตัดสินใจที่จะไม่รีแคสนักแสดงคนใหม่มารับบทเป็น T’Challa ต่อจาก Chadwick Boseman รวมไปถึงจะไม่มีการใช้เทคนิค CGI ในการสร้างตัวละครของเขาขึ้นมาใหม่อย่างแน่นอน เพื่อเป็นการเคารพและให้เกียรติแก่การแสดงที่ Chadwick Boseman ได้สร้างเอาไว้

ส่วนเนื้อหาของภาพยนตร์ที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ จะเป็นการพาผู้ชมไปร่วมสำรวจแง่มุมต่างๆ ของวาคานด้า วัฒนธรรมที่หลากหลาย และตัวละครมากมายที่ยังไม่เคยถูกเล่าในภาคแรก ก่อนที่ในปี 2021 Marvel Studios จะออกมาประกาศชื่ออย่างเป็นทางการของ Black Panther 2 โดยใช้ชื่อว่า Black Panther: Wakanda Forever พร้อมวางกำหนดฉายในวันที่ 8 กรกฎาคม 2022

ขณะเดียวกัน ก็มีกระแสของแฟนๆ MCU หลายคนที่ต้องการให้ Marvel Studios ทำการรีแคสนักแสดงคนใหม่มารับบทเป็น T’Challa อยู่เช่นกัน จนเกิด #RecastTChalla ขึ้นบนโซเชียลมีเดีย โดยหนึ่งในคนใกล้ชิดของ Chadwick Boseman ที่เห็นด้วยกับการรีแคสครั้งนี้คือ Derrick Boseman น้องชายของ Chadwick Boseman ที่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง TMZ ในปี 2021 ว่า เขาคิดว่าตัวละคร T’Challa ควรจะได้รับการสานต่อเรื่องราวต่อไป และเขาเชื่อว่า Chadwick Boseman เองก็คิดเช่นนั้น

Derrick Boseman กล่าวเพิ่มเติมว่า Chadwick Boseman คิดว่า T’Challa เป็นตัวละครที่ยิ่งใหญ่ เขาคือราชาและซูเปอร์ฮีโร่ที่ทรงอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อเด็กๆ ชาวแอฟริกัน-อเมริกัน โดย Derrick Boseman ได้ยกตัวอย่างเรื่องราวของหลานชายของตัวเองที่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นนักวิทยาศาสตร์หลังจากได้ชมภาพยนตร์เรื่อง Black Panther ดังนั้น Derrick Boseman จึงคิดว่าการที่ Marvel Studios ตัดสินใจทิ้งเรื่องราวของตัวละครตัวนี้ ถือเป็นการพรากเอาตัวละครที่เป็นแบบอย่างของเด็กๆ ผิวดำไป

อย่างไรก็ตาม Marvel Studios ยังคงยืนยันว่าจะไม่มีการรีแคสนักแสดงมารับบทเป็น T’Challa เช่นเดิม ก่อนที่จะเริ่มเดินหน้าเปิดกล้องถ่ายทำอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2021

และหลังจากที่ภาพยนตร์ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด รวมถึงการบาดเจ็บระหว่างถ่ายทำของ Letitia Wright ผู้รับบทเป็น Shuri จนทำให้การถ่ายทำล่าช้าไปเสียนาน ในที่สุด Black Panther: Wakanda Forever ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน San Diego Comic-Con 2022 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยทาง Marvel Studios ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกออกมาให้แฟนๆ ได้ชม พร้อมประกาศว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์ปิด MCU เฟสที่ 4 รวมถึงประกาศ Saga ใหม่ที่จะใช้ชื่อว่า The Multiverse Saga

3. การต่อสู้ครั้งใหม่และตัวละครใหม่ที่จะปรากฏตัวใน Black Panther: Wakanda Forever

สำหรับพล็อตเรื่องของ Black Panther: Wakanda Forever ที่ถูกเปิดเผยออกมาในตอนนี้ จะบอกเล่าเรื่องราวในช่วงเวลาที่ประเทศวาคานด้าได้สูญเสียกษัตริย์ T’Challa ไป จึงทำให้ชาววาคานด้า นำโดย ราชินี Ramonda (Angela Bassett), Shuri (Letitia Wright), M’Baku (Winston Duke), Okoye (Danai Gurira) และเหล่านักรบ Dora Milaje ต้องร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับผู้บุกรุกที่พยายามเข้ามาแทรกแซงประเทศของตัวเอง พร้อมกับการช่วยเหลือกันข้ามผ่านความโศกเศร้าและสร้างเส้นทางใหม่ให้กับวาคานด้า

โดยทาง Lupita Nyong’o ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง The Hollywood Reporter เกี่ยวกับเรื่องราวของ Black Panther: Wakanda Forever ไว้ว่า ผู้กำกับ Ryan Coogler ได้หยิบนำเอาความรู้สึกของทีมงานและนักแสดงที่มีต่อ Chadwick Boseman มาสอดแทรกเอาไว้ในเรื่องราวครั้งนี้ เพื่อยกย่องและให้เกียรติแก่เขา และเพื่อขับเคลื่อนให้เรื่องราวดำเนินต่อไปข้างหน้า

นอกจากเรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการจากไปของ Chadwick Boseman และการถูกเลือกให้เป็นภาพยนตร์ปิดเรื่องราวของ MCU เฟสที่ 4 อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Black Panther: Wakanda Forever คือเหล่าตัวละครหน้าใหม่ที่จะมาตบเท้าเข้าร่วมจักรวาล MCU เป็นครั้งแรก

เริ่มต้นด้วย Namor the Sub-Mariner ที่รับบทโดยนักแสดงชาวเม็กซิกัน Tenoch Huerta โดยบทบาทของ Namor ได้ถูกปรับเปลี่ยนจากเวอร์ชันคอมิกหลายจุดด้วยกัน โดยจากเดิมที่ Namor จะมีบทบาทเป็นราชาแห่งอาณาจักรใต้ทะเล Atlantis แต่เนื่องจากอาณาจักร Atlantis คือสถานที่ที่ถูกใช้เป็นฉากหลังของตัวละครจากฝั่ง DC อย่าง Aquaman เช่นเดียวกัน ทาง Marvel Studios จึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนชื่ออาณาจักรของ Namor ใหม่ โดยใช้ชื่อว่า Talocan ซึ่งเป็นอาณาจักรใหม่ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับฉบับคอมิกมาก่อน

โดยผู้กำกับ Ryan Coogler ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์อาณาจักร Talocan มาจากวัฒนธรรมโบราณที่มีอยู่จริงอย่างวัฒนธรรมมายาและแอซเท็ก ด้าน Tenoch Huerta ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนตัวละครในครั้งนี้ว่า สิ่งนี้จะช่วยทำให้ตัวละคร Namor มีความสมจริงมากขึ้น รวมถึงช่วยให้ชุมชนลาตินได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น ผ่านคาแรกเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นจากวัฒนธรรมและประเพณีโบราณที่แท้จริง

นอกจากนี้ Tenoch Huerta ยังได้ออกมายืนยันว่า Namor จะยังคงเป็น Mutant ตามคอมิกต้นฉบับอีกด้วย หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022) ได้มีการพาตัวละคร Professor X ผู้นำแห่งกลุ่ม X-Men ที่รับบทโดย Patrick Stewart มาปรากฏตัวในจักรวาล MCU รวมถึงซีรีส์ Ms. Marvel (2022) ที่ยืนยันว่าตัวละคร Kamala Khan ที่รับบทโดย Iman Vellani ก็เป็นตัวละคร Mutant เช่นกัน

ตัดสลับมาที่ตัวละคร Riri Williams หรือ Ironheart ที่รับบทโดย Dominique Thorne เด็กสาวอัจฉริยะที่ใช้ความสามารถของตัวเองในการประดิษฐ์ชุดเกราะสุดล้ำ เพื่อเดินตามรอยฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง Tony Stark

โดยทาง Ryan Coogler ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Entertainment Weekly เกี่ยวกับตัวละคร Riri Williams ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับหลายสิ่ง หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของผู้คนที่อยู่ตรงข้ามกันแต่ก็มีสิ่งที่คล้ายคลึงกัน ผู้ชมจะได้เห็นว่า Shuri จะได้มาพบกับใครบางคนที่มีบางสิ่งที่เหมือนกัน แต่ก็มีสิ่งที่แตกต่างกันมากๆ เช่นเดียวกัน

ซึ่งนอกจากการปรากฏตัวใน Black Panther: Wakanda Forever แล้ว Riri Williams จะมีซีรีส์เป็นของตัวเองในชื่อ Ironheart ให้ผู้ชมได้ทำความรู้จักเธอมากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยซีรีส์มีกำหนดฉายในปี 2023

อีกหนึ่งตัวละครใหม่ที่น่าจับตามองเช่นกันคือ Aneka ซึ่งรับบทโดย Michaela Coel โดย Aneka ถือเป็นตัวละครคนล่าสุดจากจักรวาล MCU ที่ได้เปิดตัวว่าเป็นตัวละคร Queer ซึ่งอ้างอิงตามเนื้อหาในฉบับคอมิก โดย Aneka มีบทบาทเป็นผู้ฝึกสอนการต่อสู้ให้กับเหล่านักรบ Dora Milaje และ Aneka ยังมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับตัวละคร Ayo ที่รับบทโดย Florence Kasumba อีกด้วย

โดยแฟนๆ คงจะต้องไปติดตามกันต่อในโรงภาพยนตร์ว่า Black Panther: Wakanda Forever จะนำเสนอเรื่องราวของ 3 ตัวละครใหม่อย่าง Namor, Riri Williams และ Aneka ออกมาให้เราได้ทำความรู้จักในรูปแบบไหน รวมถึงบทบาทของพวกเขาจะได้รับการต่อยอดในอนาคตต่อไปอย่างไรอีกบ้าง

4. ทีมงานเบื้องหลังมากฝีมือที่จะมาร่วมสานต่อเรื่องราวของ Black Panther: Wakanda Forever

นอกจากชื่อของผู้กำกับ Ryan Coogler และมือเขียนบท Joe Robert Cole ที่กลับมาร่วมสานต่อเรื่องราวของวาคานด้าแล้ว ภาพยนตร์ยังคับคั่งไปด้วยทีมงานเบื้องหลังมากฝีมือ นำโดย Autumn Durald Arkapaw ผู้กำกับภาพหญิงจากซีรีส์ Loki (2021), Hannah Beachler โปรดักชันดีไซเนอร์ เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Black Panther ภาคแรก กลับมารับหน้าที่รังสรรค์ฉากหลังสุดยิ่งใหญ่ในครั้งนี้, Ruth E. Carter คอสตูมดีไซเนอร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์จาก Black Panther ภาคแรก กลับมาดูแลในส่วนของการออกแบบเสื้อผ้าเช่นกัน

Kelley Dixon จากซีรีส์ Better Call Saul (2017), Jennifer Lame จาก Tenet (2020) และ Michael P. Shawver จาก Black Panther ภาคแรก มารับหน้าที่ตัดต่อ พร้อมด้วย Ludwig Göransson คอมโพสเซอร์มากฝีมือ เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Black Panther ภาคแรก มารับหน้าที่ประพันธ์ดนตรีประกอบ

ไม่เพียงเท่านั้น ภาพยนตร์ยังได้ศิลปินสาวระดับแถวหน้าอย่าง Rihanna มารับหน้าที่ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ในชื่อ Lift Me Up ซึ่งนับว่าเป็นการกลับมาปล่อยผลงานเพลงอีกครั้งในรอบ 6 ปี หลังจากที่เธอเริ่มโฟกัสกับการทำธุรกิจของตนเอง โดย Rihanna จะรับหน้าที่แต่งเพลงร่วมกับ Ryan Coogler และ Tems ศิลปินมาแรงจากประเทศไนจีเรีย โดยมี Ludwig Göransson รับหน้าที่ดูแลในตำแหน่งโปรดิวเซอร์

Black Panther: Wakanda Forever มีกำหนดเข้าฉาย 9 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

รับชมตัวอย่างได้ที่นี่