×

กลุ่มชาวประมงฟ้องแพ่งเอกชน เรียกค่าเสียหายพันล้านบาท ฐานนำเข้าปลาหมอคางดำ ทำแพร่ระบาดสร้างความเดือดร้อน

โดย THE STANDARD TEAM
05.09.2024
  • LOADING...
ปลาหมอคางดำ

วันนี้ (5 กันยายน) ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ปัญญา โตกทอง สมาชิกเครือข่ายอนุรักษ์อ่าวไทยตอนบนและเครือข่ายประชาคมคนรักแม่กลอง พร้อมชาวบ้านกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและประมงพื้นบ้านในเขตอำเภออัมพวา อำเภอบางคนที และอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ที่เป็นตัวแทนชาวบ้าน 1,400 คนในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของปลาหมอคางดำ เดินทางมาพร้อมด้วยคณะทำงานสิ่งแวดล้อมจากสภาทนายความ เพื่อยื่นฟ้องบริษัทเอกชนผู้ก่อมลพิษ และกรรมการบริหารรวม 9 คน ในคดีสิ่งแวดล้อม

 

ปัญญากล่าวว่า พวกตนได้รับผลกระทบและถูกละเมิดสิทธิมานาน การประกอบอาชีพย่ำแย่ ขาดรายได้ มีหนี้สิน เพราะสัตว์น้ำที่เพาะเลี้ยง ทั้งปลา กุ้ง ไม่สามารถเพาะเลี้ยงได้ ซึ่งตอนนี้ในบ่อที่เลี้ยงมีแต่ปลาหมอคางดำ 

 

และตั้งแต่ที่ตนเองและกลุ่มสมาชิกพบปลาหมอคางดำตั้งแต่ปี 2555 แต่ที่รุนแรงคือช่วงปี 2559-2560 ซึ่งตนเองและกลุ่มสมาชิกได้ไปร้องเรียนมาหลายที่แล้ว ทั้งนายกรัฐมนตรี กรรมการสิทธิมนุษยชน แต่ยังไม่มีการดำเนินการอะไร จากตอนแรกแค่ในจังหวัดตนเอง แต่ตอนนี้แพร่ไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศแล้ว รวมถึงรัฐก็ไม่ได้เข้ามาดูแลเยียวยาพวกตน และในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มาร้องศาลแพ่งให้ช่วยเหลือในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทเอกชนผู้ก่อมลพิษ

 

ซึ่งขั้นตอนการดำเนินคดีจะเป็นการฟ้องคดีแบบกลุ่ม เรียกค่าสินไหมทดแทนจากการขาดรายได้ในอาชีพประมงเพาะเลี้ยงและประมงพื้นบ้าน และจากการถูกละเมิดสิทธิในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมทั้งมีคำขอบังคับให้บริษัทเอกชนผู้ก่อมลพิษแก้ไขฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่สูญเสียไปให้กลับสู่สภาพเดิม

 

สำหรับจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่กลุ่มประมงเรียกร้องแยกออกเป็น 2 กลุ่ม

 

  1. กลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เรียกค่าเสียหายจากการขาดรายได้ตามจำนวนพื้นที่ที่เพาะเลี้ยงในอัตราไร่ละ 10,000 บาทต่อปี เป็นเวลา 7 ปี (พ.ศ. 2560-2567) และค่าเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอีกรายละ 50,000 บาท โดยกลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีจำนวนสมาชิกกว่า1,000 ราย มีพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรวมกันกว่า 27,000 ไร่ ค่าสินไหมทดแทนที่เรียกร้องเป็นเงินกว่า 1,982,000,000 บาท

 

  1. กลุ่มประมงพื้นบ้าน เรียกค่าเสียหายจากการขาดรายได้ตามจำนวนวันในอัตราวันละ 500 บาท (ปีละ 182,500 บาท) เป็นเวลา 7 ปี (พ.ศ. 2560-2567) และค่าเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอีกรายละ 50,000 บาท โดยกลุ่มประมงพื้นบ้านมีจำนวนสมาชิกกว่า 380 ราย ค่าสินไหมทดแทนที่เรียกร้องเป็นเงินกว่า 19,000,000 บาท รวมเงินค่าสินไหมทดแทนในเขตจังหวัดสมุทรสงครามเป็นเงินกว่า 2,486,450,000 บาท

 

นอกจากฟ้องร้องคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทน ช่วงเช้าวันนี้ ตัวแทนจากสภาทนายความ ในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้ประกอบอาชีพประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและอาชีพ ประมงพื้นบ้าน จังหวัดสมุทรสงครามจำนวน 54 คน ยื่นฟ้องหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ 18 หน่วยงาน ต่อศาลปกครองกลาง ฐานความผิดละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ประกอบไปด้วย

  1. กรมประมง 
  2. อธิบดีกรมประมง 
  3. คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ 
  4. คณะกรรมการระดับสถาบันด้านความปลอดภัยและความหลากหลายทางชีวภาพของกรมประมง 
  5. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 
  6. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 
  7. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 
  8. อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 
  9. คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 
  10. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 
  11. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 
  12. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 
  13. คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ 
  14. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 
  15. อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 
  16. กระทรวงมหาดไทย 
  17. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 
  18. กระทรวงการคลัง 

 

ซึ่งผู้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองทั้ง 54 คน ได้เรียกร้องให้ผู้ถูกฟ้องซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเร่งประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อนำเงินฉุกเฉินเยียวยาต่อผู้ฟ้องตามเวลาที่ศาลกำหนด นอกจากนี้ให้ผู้ถูกฟ้องติดตามเงินจากบริษัทเอกชน ผู้ก่อให้เกิดผลกระทบ ชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐตามมูลค่าความเสียหาย

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising