วันนี้ (12 เมษายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 8 สวมเสื้อเชิ้ตลายดอกรับเทศกาลสงกรานต์ ลงพื้นที่เขตห้วยขวาง เริ่มต้นด้วยการสักการะพระพิฆเนศ บริเวณแยกห้วยขวาง ก่อนเดินเท้าไปตลาดสดห้วยขวางเพื่อพูดคุยกับกลุ่มผู้ค้า ซึ่งพบว่าที่ผ่านมาผู้ค้าจำนวนมากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาและจำนวนนักท่องเที่ยวนคนต่างชาติลดลงจากโควิด ทำให้มีผลต่อรายได้ที่ลดลงเป็นอย่างมาก
ชัชชาติกล่าวว่า หาบเร่แผงลอยเป็นกลไกสำคัญในเชิงเศรษฐกิจ ทั้งในแง่การเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจฐานราก และเป็นแหล่งอาหารราคาประหยัด ช่วยลดค่าครองชีพให้กับคนกรุงเทพฯ ดังนั้น กทม. จำเป็นต้องสร้างโอกาสให้กลุ่มผู้ค้าหาบเร่ เช่น ส่งเสริมให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน วางแผนบริหารจัดการที่มั่งคง และช่วยจัดหาพื้นที่การค้า
ขัชชาติอธิบายต่อไปว่า กทม. สามารถประสานงานกับเอกชนและภาครัฐในพื้นที่ เพื่อจัดหาพื้นที่เช่าราคาประหยัดสำหรับผู้ค้าที่ต้องการพื้นที่ทำการค้าถาวร นอกจากนี้ กทม. ต้องขึ้นทะเบียนผู้ค้าแผงลอย เพื่อให้ กทม. มีแหล่งสินค้าและอาหารแผงลอยที่ได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนส่งเสริมให้เข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อสร้างโอกาสทางการค้าในช่องทางออนไลน์ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ค้าแผงลอยในการรักษาความสะอาดพื้นที่ และกำหนดรูปแบบการค้าด้วยตนเองอีกด้วย
“ปัญหาการค้าขายริมทางต้องมีมาตรการในการจัดระเบียบ ซึ่งต้องหาทางที่จะอยู่ร่วมกันระหว่างผู้ค้าและผู้ใช้ทางเท้า โดยจะต้องไม่มีการกีดขวาง หรือลิดรอนสิทธิของคนบนทางเท้า” ชัชชาติกล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ชัชชาติเปิดเผยว่า ตนมีแผนเดินทางพบปะและทำกิจกรรมร่วมกับประชาชนใน กทม. พร้อมประกาศอาสาดูแล กทม. ในช่วงเวลาที่ประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยเฉพาะความปลอดภัยในช่วงกลางคืน โดยชัชชาติได้ย้ำนโยบาย ‘ผู้ว่าฯ เที่ยงคืน’ ดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้ชีวิตในช่วงกลางคืน ครอบคลุมปัญหาไฟส่องสว่าง การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ตลอดจนสวัสดิภาพของผู้ค้าแผงลอย-สตรีทฟู้ด ผู้ประกอบการและคนทำงานธุรกิจกลางคืน ให้สามารถใช้ชีวิตใน กทม. ได้อย่างมีคุณภาพ และมีส่วนร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจ กทม. ต่อไป