วันนี้ (20 พฤษภาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เบอร์ 8 ลงพื้นที่หาเสียง 2 วันสุดท้ายใน 4 ย่านสำคัญคือ สยามสแควร์, สีลม, เยาวราช และถนนข้าวสาร โดยชัชชาติและทีมงานเริ่มต้นที่ย่านสยามสแควร์ ก่อนกระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งนอกจากลงพื้นที่หาเสียงแล้ว ชัชชาติยังแสดงวิสัยทัศน์เน้นย้ำถึงนโยบายที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน และจะไม่ทำให้คนกรุงเทพฯ ผิดหวัง
จากนั้นชัชชาติได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ติดตามการลงพื้นที่ โดยระบุถึงเหตุผลที่วันนี้ไม่เลือกปราศรัยเหมือนผู้สมัครคนอื่นๆ แต่เลือกลงพื้นที่ใน 4 ย่านสำคัญ ว่าการจัดปราศรัยเป็นการให้ผู้คนต้องมาหาตนเอง แต่ตนเองอยากไปหาประชาชนมากกว่า และอยากไปดูชีวิตคนจริงๆ จึงได้ลงพื้นที่แบบดาวกระจาย พร้อมย้ำว่า 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา มั่นใจว่าเดินมาถูกทาง เป็นผู้ว่าฯ อิสระที่มีอาสาร่วมสมัครจำนวนมากที่เชื่อว่าจะทำให้กรุงเทพฯ ดีขึ้นได้
ส่วน 4 จุดที่เลือกลงพื้นที่วันนี้ มีความหลากหลายและต่างวัย ซึ่งที่เลือกสยามเพราะมีกลุ่มวัยรุ่น เป็นวัยที่จะมาดูแลกรุงเทพฯ ต่อในอนาคต จึงอยากให้มีส่วนร่วมมาช่วยหาคำตอบ ส่วนถนนสีลมเป็นพื้นที่คนทำงานหาเลี้ยงเมือง ต่อด้วยย่านเยาวราช เป็นพื้นที่วัฒนธรรมผู้สูงวัย เป็นคลังความคิด อีกทั้งที่ผ่านมาผู้สูงอายุมักถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว ดังนั้นต้องเอื้อมหาผู้สูงอายุที่มีค่าต่อสังคม แบ่งปันประสบการณ์กัน ปิดท้ายที่ย่านถนนข้าวสาร ซึ่งเป็นแหล่งเศรษฐกิจ อนาคตกรุงเทพฯ อยู่ได้ต้องมีเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และแสดงถึงการท่องเที่ยวที่เป็น Soft Power ที่มีพลัง
ส่วนเหตุผลที่เชื่อว่าตนไม่ได้นอนมาที่หลายคนคาดการณ์นั้น มองว่าเพราะกระแสโพลเปลี่ยนไปมาอยู่ตลอด ทุกคนตีตื้นขึ้นมาได้ นาทีนี้เลือกใครไม่เป็นไร แต่ขอให้ออกมาใช้สิทธิกันเยอะๆ เพื่อให้ได้ฉันทามติ เพราะหลายคนแค้นใจ หมดความหวังกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา เพราะมีอำนาจอื่นมาช่วยเลือก และไม่ตอบโจทย์ ดังนั้นวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ อยากชวนชาวกรุงเทพฯ ไปลงคะแนนเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด
ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า ตนมีความมั่นใจ 100% ว่าตนเองมาถูกทาง ไม่เสียใจที่เป็นอิสระ ส่วนเรื่องแพ้-ชนะนั้นต้องแล้วแต่ประชาชน และยืนยันว่าตนเองพร้อมทำงานร่วมกับสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ทุกคน เพราะทุกคนมาจากเสียงประชาชน พร้อมย้ำว่าสิ่งแรกที่จะทำถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. คือต้องโทรหา ส.ก. เพื่อแสดงความยินดี ก่อนจะชวนมาร่วมงานด้วยกัน เพราะตนเองไม่มีพรรค มีแต่ ส.ก. ที่ประชาชนเลือกมา ซึ่งถือเป็นผู้นำแห่งความหวัง ที่จะช่วยทำให้กรุงเทพฯ ดีขึ้นได้ และถ้าตนเองชนะการเลือกตั้ง ก็พร้อมเปิดตัวทีมงานและรองผู้ว่าฯ กทม. แต่อาจจะขอหารือสัก 1-2 วันก่อน เพราะบางคนยังเป็นข้าราชการ พร้อมระบุว่าได้วางทีมงานไว้แล้ว 90%
ชัชชาติยังยอมรับอีกว่า ที่ผ่านมาสิ่งกังวลคือการดีเบต เพราะตนเองพูดไม่ค่อยเก่ง แต่เมื่อหมดดีเบตแล้ว ตนเองก็พร้อม และเชื่อว่าตอนนี้ประชาชนคนกรุงเทพฯ ตื่นตัว เพราะไม่ได้เลือกตั้งมานานกว่า 9 ปีแล้ว ซึ่งถ้าคนใช้สิทธิน้อยก็ไม่เป็นผลดีกับตน เพราะตนไม่ใช่พรรคการเมือง ไม่ได้มีฐานเสียงที่เหนียวแน่น ถ้าคนที่มีฐานเสียงเหนียวแน่นอาจจะไปได้เยอะกว่า ซึ่งก็ประมาทไม่ได้ ดังนั้นหากประชาชนรักและชอบตนก็ขอให้ไปใช้สิทธิกันเยอะๆ
ชัชชาติระบุว่า ตนก็ยังคาดหวังคะแนนจากทั้งส่วนของคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่า เพราะทุกคนเท่าเทียมกัน มีคุณค่าเท่ากัน และแม้เด็กบางคนที่ไม่สามารถเลือกได้ เด็กๆ ก็สามารถจะไปบอกกับพ่อแม่ให้เลือกตนเองได้ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เด็กตื่นตัวก่อนวันเลือกตั้งจริง
ส่วนกรณีที่ผู้สมัครบางราย หาเสียงโดยบอกว่า ‘ไม่เลือกเรา ชัชชาติมาแน่’ ชัชชาติบอกว่า ประเด็นนี้เป็นเหมือนการเชียร์ตนเอง แสดงว่าตนมีคะแนนนำอยู่ ก็ไม่เป็นไร เป็นสิทธิเคารพกัน เพราะสุดท้ายคะแนนเสียงก็ขึ้นอยู่กับประชาชน
ชัชชาติยืนยันว่า หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็พร้อมประสานงานกับรัฐบาล เพราะเป็นอิสระไม่มีฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งจะถอดหมวกนักการเมืองออก และสวมหมวกประชาชน เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง หากรัฐบาลทำอะไรที่ไม่สอดคล้องกับคนกรุงเทพฯ ก็จะต้องดำเนินการ และเชื่อว่าไม่มีปัญหาหากเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง