การร่วงลงอย่างรุนแรงราวกับ ‘ตกเหว’ ของราคาสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี ในหลายๆ สกุลเงิน โดยเฉพาะ ‘บิตคอยน์’ ที่วันนี้ (23 เมษายน) ราคาร่วงลงกว่า 10% จากวันก่อนหน้า มาเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่า 5 หมื่นดอลลาร์ต่อบิตคอยน์ และลงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 47,659 ดอลลาร์ต่อบิตคอยน์ ซึ่ง ณ ราคาดังกล่าว นับเป็นการร่วงลงมากว่า 26% ภายในเวลาไม่ถึง 10 วัน จากระดับสูงสุดซึ่งเคยทำเอาไว้ที่ 64,778 ดอลลาร์ต่อบิตคอยน์ เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา
ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและกรรมการ บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า แม้หลายคนจะมองว่าราคาคริปโตเคอร์เรนซีในหลายๆ สกุลปรับตัวลดลงรุนแรง แต่สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงนี้มานานแล้ว ถือเป็นเหตุการณ์ที่ปกติมาก ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าการลดลงของราคาคริปโตเคอร์เรนซีในรอบนี้ถือเป็นการปรับฐาน หลังจากที่ราคาขึ้นมาต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
“โดยส่วนตัวมองว่าราคาคงไม่สามารถขึ้นไปทำ All Time High ตลอดเวลาได้ ต้องมีการย่อเพื่อพักฐานบ้าง อย่างราคาบิตคอยน์ หากดูจากกราฟจะเห็นว่าเวลาที่ย่อตัวลงมาก็มักจะขึ้นไปทำไฮใหม่ตลอด เพียงแต่เวลาที่ราคาบิตคอยน์ปรับลดลงมา ก็มักจะมีการพยายามหาข่าวต่างๆ เพื่อมาสนับสนุนการปรับลดลง เช่นเดียวกับการปรับขึ้น คนก็พยายามหาเหตุผลสารพัดอย่างมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าว”
ปรมินทร์กล่าวด้วยว่า อย่างกรณีเหตุการณ์เหมืองที่จีน ซึ่งทำให้ไม่สามารถขุดบิตคอยน์ได้ และมีคนนำมาโยงกับราคาบิตคอยน์ที่ปรับตัวลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งกรณีนี้หากมองในอีกมุมเท่ากับว่าปริมาณบิตคอยน์ที่จะถูกขุดออกมามีน้อยลง หมายความว่าซัพพลายในตลาดหายไป ตามทฤษฎีแล้วราคาบิตคอยน์ควรต้องปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้นโดยส่วนตัวจึงไม่ฟันธงว่าราคาบิตคอยน์ที่ปรับลดลงในช่วงก่อนหน้านี้จะมาจากเหตุการณ์เหมืองในจีนทั้ง 100%
“คนที่เทรดคริปโตเคอร์เรนซีมาหลายปีแล้วคงไม่เซอร์ไพรส์กับเหตุการณ์ที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงแรงๆ แต่สำหรับมือใหม่หรือคนที่เพิ่งเข้ามาเทรดได้ไม่นานอาจจะแพนิกบ้าง ซึ่งอาจจะมองว่าบิตคอยน์กำลังเข้าสู่ช่วงขาลงแล้วใช่หรือไม่ ดังนั้นหากอยากลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ แนะนำให้ใช้เงินเย็นหรือเงินที่สามารถลงทุนระยะยาวได้”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า