Bitcoin Rainbow Chart เป็นหนึ่งในกราฟที่เป็นที่รู้จักอย่างดีในโลกคริปโต หลังจากที่ราคา บิทคอยน์ เจอแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ราคาได้ดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดที่ 18,200 ดอลลาร์ Bitcoin Rainbow Chart ได้มีการอัปเดตแถบสีม่วงอันใหม่ เรียกว่า 1 BTC = 1 BTC ซึ่งเป็นแถบล่างสุดของกราฟนั่นเอง
1 BTC = 1 BTC หมายความว่า ไม่ว่าราคา Bitcoin จะมีมูลค่าเท่าไรเมื่อเทียบกับสกุลเงินปกติ แต่มันจะมีค่า 1 BTC เสมอ ซึ่งจากกราฟอาจบ่งบอกได้ว่า ไม่ว่าราคาจะร่วงลงเท่าไร มันจะมีมูลค่า 1 BTC เช่นเดิม และอาจเป็นโอกาสในการซื้อนั่นเอง
Bitcoin Rainbow Chart คืออะไร
เครื่องมือ Bitcoin Rainbow Chart เกิดขึ้นในปี 2014 ซึ่งเป็นการคำนวณ Logarithmic Regression ซึ่งประกอบด้วยทั้งหมด 7 สี 10 แถบ บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของตลาดในช่วงเวลาต่างๆ นักลงทุนมักจะนำมาประกอบการตัดสินใจเมื่อต้องการหาจุดสูงสุด หรือจุดต่ำสุดของสกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่ง ซึ่งกราฟตัวนี้โด่งดังไม่แพ้ Stock to Flow ของ PlanB เลย
โซนสีแดงของชาร์ตหมายถึง เมื่อราคาพุ่งสูงขึ้นสู่บริเวณนี้ ตลาดอาจเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ หรือราคาทำจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งเป็นโอกาสในการขาย ในขณะที่โซนสีฟ้ามักจะเกิดขึ้นในสภาวะตลาดหมี และเป็นโอกาสในการซื้อ และเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก
ตามหลักการแล้ว ราคาไม่ควรทะลุช่วงบนสุดหรือช่วงล่างสุดของกราฟ เพราะนั่นหมายถึงการคาดการณ์ไม่แม่นยำนั่นเอง แต่หลังจากที่ราคา BTC เจอแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ราคาได้ดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดที่ 18,200 ดอลลาร์ Bitcoin Rainbow Chart ได้มีการอัปเดตแถบสีม่วงอันใหม่ เรียกว่า 1 BTC = 1 BTC ซึ่งเป็นแถบล่าสุดของกราฟนั่นเอง
1 BTC = 1 BTC หมายความว่า ไม่ว่าราคา Bitcoin จะมีมูลค่าเท่าไรเมื่อเทียบกับสกุลเงินปกติ แต่มันจะมีค่า 1 BTC เสมอ ซึ่งจากกราฟอาจบ่งบอกได้ว่า ไม่ว่าราคาจะร่วงลงเท่าไร Bitcoin จะมีค่า 1 BTC อยู่ดี และนี่อาจเป็นโอกาสในการซื้อนั่นเอง
ทฤษฎีนี้อาจผิดพลาดได้
ในอดีตที่ผ่านมา ราคา BTC เคยพุ่งขึ้นทะลุถึงแถบบนสุดของกราฟ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2013 จากนั้นได้ปรับตัวลงมา และเมื่อเดือนมกราคม 2014 ราคาก็ได้แตะแถบบนสุดของกราฟอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในสภาวะตลาดขาลง ราคา Bitcoin กลับไม่เคยทะลุลงต่ำกว่าแถบล่างสุดเลย ซึ่งหากครั้งนี้ราคายังคงลดลงต่อไป นี่อาจเป็นความผิดพลาดครั้งแรกของทฤษฎีนี้ก็เป็นได้
อนึ่ง กราฟนี้เป็นเพียงการคำนวณเพื่อสำรวจการเคลื่อนไหวของราคาในระยะยาวเท่านั้น ไม่ได้เป็นคำแนะนำในการลงทุนแต่อย่างใด
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum และทิศทางในอนาคตของเหรียญ ETH
- ทำไมเหรียญ LUNC ถึงพุ่งกว่า 425% ภายใน 14 วัน? อะไรที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นครั้งนี้
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
อ้างอิง: