สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ความต้องการบิตคอยน์ที่เพิ่มมากขึ้นของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยในช่วงที่ผ่านมา บวกกับนโยบายทางการเงินของรัฐบาลอีกหลายประเทศที่หันมาใช้อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำกว่าศูนย์ กลายเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้บิตคอยน์เป็นที่ต้องการของนักลงทุนในตลาดมากขึ้น
โดยราคาบิตคอยน์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 40,402.46 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนขยับปรับลดลงเล็กน้อยที่ 39,100 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นการทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลาสั้นๆ โดยก่อนหน้านี้บิตคอยน์ได้ทะลุ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 มกราคม ขณะที่เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว บรรดานักลงทุนในตลาดต้องลุ้นกันอย่างหนักกว่าที่บิตคอยน์จะทะยานแตะระดับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ความเคลื่อนไหวของบิตคอยน์ดังกล่าวยังมีขึ้นในช่วงเวลาเพียงไม่นานหลังจากที่มีรายงานว่ามูลค่าตลาดสกุลเงินคริปโตได้พุ่งทะยานขึ้นเหนือระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (7 มกราคม) ขณะที่มูลค่าตลาดของบิตคอยน์เพิ่มขึ้นมากกว่า 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่าราคาบิตคอยน์มีแนวโน้มจะยังพุ่งขึ้นต่อไป แม้ว่าช่วงนี้จะดีดตัวขึ้นมาแล้วก็ตาม ขณะที่ Glassnode ผู้ให้บริการข้อมูลบนบล็อกเชนกล่าวว่า นักลงทุนรายย่อยจะเริ่มกระจายการลงทุนเข้าซื้อบิตคอยน์มากขึ้น เพราะนักลงทุนส่วนหนึ่งมองว่าบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเทียบเท่าทองคำ และเป็นสินทรัพย์ที่มีไว้เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ ท่ามกลางนโยบายผ่อนคลายทางการเงินขนานใหญ่ที่หลายประเทศนำมาใช้เพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
ด้านนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งออกโรงเตือนว่า เนื่องจากความผันผวนถือเป็นภาวะปกติของบิตคอยน์ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ราคาของบิตคอยน์จะเข้าสู่ช่วงปรับฐาน ที่ราคาอาจปรับตัวลดลงจากระดับปัจจุบันได้ถึง 25% กระนั้นการปรับตัวเพิ่มขึ้นของบิตคอยน์ในครั้งนี้ยังห่างไกลจากภาวะฟองสบู่ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากกระแสตอบรับที่คึกคักจากกลุ่มบริษัทฟินเทคและนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด แตกต่างจากในปี 2017 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: