JPMorgan Chase & Co. ระบุว่า ต้นทุนในการขุด Bitcoin ลดลงจาก 24,000 ดอลลาร์เมื่อต้นเดือนมิถุนายน มาอยู่ที่ประมาณ 13,000 ดอลลาร์ในขณะนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นสัญญาณเชิงลบต่อแนวโน้มของราคา Bitcoin ในอนาคต
การลดลงของต้นทุนในการดำเนินการขุดส่วนใหญ่เป็นเพราะการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนผ่าน Cambridge Bitcoin Electricity Consumption Index
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการที่นักขุด Bitcoin พยายามรักษาความสามารถในการทำกำไรเอาไว้ โดยการพยายามจัดวางเครื่องขุดให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการปรับขึ้นของราคา Bitcoin หลังจากนี้
Nikolaos Panigirtzoglou นักกลยุทธ์ของ J.P. Morgan กล่าวว่า “การลดลงของต้นทุนการขุด Bitcoin อาจเป็นสัญญาณลบต่อแนวโน้มราคาในอนาคต แม้ว่ามันจะช่วยให้นักขุดยังทำกำไรอยู่ได้และช่วยลดแรงกดดันจากการขาย Bitcoin ที่ถืออยู่เพื่อเสริมสภาพคล่อง หรือเพื่อลดความเสี่ยง”
ต้นทุนที่ลดลงสะท้อนถึงมุมมองของนักลงทุนบางส่วนเกี่ยวกับช่วงของราคา Bitcoin ที่แคบลงในตลาดหมี
ราคาของ Bitcoin ร่วงลงมาแล้ว 60% นับตั้งแต่ต้นปี และเผชิญกับขาลงมาต่อเนื่อง หลังจากพุ่งไปทำสถิติสูงสุดที่ 69,000 ดอลลาร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ ล่าสุดราคา Bitcoin ลดลงมาซื้อขายที่ราว 20,000 ดอลลาร์
เมื่อเดือนก่อน นักกลยุทธ์ของ J.P. Morgan กล่าวว่า แรงขาย Bitcoin จากนักขุดอาจกดดันราคา Bitcoin ไปจนถึงไตรมาส 3 เพื่อเสริมสภาพคล่อง และลดความเสี่ยงหลังจากราคา Bitcoin ลดลงมาเท่ากับต้นทุนในการขุด
ขณะที่ข้อมูลจาก Core Scientific ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทขุด Bitcoin เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่า บริษัทได้เทขาย Bitcoin ที่ถืออยู่ออกไปเกือบหมดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทมหาชนที่ทำธุรกิจขุด Bitcoin ต่างมีมูลค่าลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่น Marathon Digital Holdings ลดลง 76% จากต้นปี, Riot Blockchain ลดลง 78% และ Core Scientific ลดลง 86%
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP