เพิ่งจะผ่านไตรมาสแรกของปีเพียงแค่ 1 เดือน แต่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีก็บูมสุดขีด ล่าสุดมูลค่าตลาดรวมขึ้นไปแตะกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.243 Trillion) โดยมูลค่าของบิตคอยน์เคยพุ่งขึ้นไปมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี แม้จะมีความผันผวนสูง แต่ถือเป็นตลาดที่นักลงทุนเริ่มให้การยอมรับมากขึ้น สะท้อนผ่านมูลค่าตามราคาตลาดรวมที่ขึ้นไปแตะ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ราคาบิตคอยน์ก็เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยในบางช่วงของปีนี้เคยขึ้นไปมากกว่า 100%
ส่วนราคาบิตคอยน์ในวันนี้ (28 เมษายน) เริ่มกลับมายืนเหนือระดับ 55,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดแรงเทขายอย่างหนักจนราคาร่วงลงไปต่ำกว่าระดับ 50,000 ดอลลาร์ต่อบิตคอยน์
ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง และกรรมการสตางค์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า แม้สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาบิตคอยน์จะร่วงลงอย่างหนัก โดยลดลงไปทำจุดต่ำสุดในระดับ 47,159 ดอลลาร์ จนสร้างความตกใจให้กับผู้ลงทุน แต่โดยส่วนตัวมองว่าการลดลงดังกล่าวถือเป็นการปรับฐานที่ดี และในสัปดาห์นี้ตลาดก็เริ่มกลับขึ้นมาอยู่ในแดนบวกอีกครั้ง ซึ่งถ้ามองไปข้างหน้า ยังมีหลายปัจจัยที่น่าจะทำให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอยู่ในภาวะที่น่าสนใจ
“ปีนี้ระบบนิเวศ หรือ Ecosystem ของอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีมีการเปลี่ยนแปลงและสมบูรณ์มากขึ้น จากที่เคยถูกมองว่าเป็นตลาดเก็งกำไร ก็เปลี่ยนไปเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนมากขึ้น มีการยอมรับทางกฎหมายมากขึ้น”
ปริมินทร์กล่าวว่า ในช่วงนี้จะเห็นว่ามีความเคลื่อนไหวมากมายของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่สัมพันธ์กับตลาดทุน ตั้งแต่การเข้าลิสต์ในตลาดหลักทรัพย์ของ Coinbase แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 85,800 ล้านดอลลาร์ ณ ราคาต่อหุ้น Coinbase ที่ 328.8 ดอลลาร์สหรัฐ และการทำ Stock Token คือการนำหุ้นมาแปลงเป็นคริปโตเคอร์เรนซีให้คนสามารถซื้อหุ้นผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนได้ และยังสามารถทำเป็น Dual Listing ทำให้คนซื้อ-ขายหุ้นได้จากสองตลาดใน 2 ประเทศโดยใช้บล็อกเชน สิ่งเหล่านี้ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสิ่งที่แยกไม่ออกจากหุ้นที่คนซื้อ-ขายกันในปัจจุบัน
ล่าสุดทาง Binance แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 1 ของโลก ได้ประกาศลิสต์ Stock Token ของ Microstrategy (MSTR), Apple (AAPL) และ Microsoft (MSFT) ภายในสัปดาห์นี้ หลังจากได้ลิสต์โทเคนของ Tesla (TSLA) และ Coinbase (COIN) ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้การปรับปรุงและเสนอร่างกฎระเบียบข้อบังคับ (Regulations) ที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในหลายๆ ประเทศทั่วโลก เพื่อให้ตอบโจทย์การเติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง รองรับกับตลาดการเงินและลงทุนที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่การเป็นเงินดิจิทัล และทำให้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นที่ยอมรับตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งนักลงทุนและ Ecosystem ของคริปโตเคอร์เรนซี
ปรมินทร์กล่าวด้วยว่า การได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงิน กองทุน บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก และเหล่าเซเลบทั้งในแวดวงธุรกิจ การเงิน วงการบันเทิง ล้วนมีผลทำให้สภาพแวดล้อมของตลาดเป็นบวก ล่าสุดข้อมูลจาก Coindesk อ้างแหล่งข่าววงในว่า J.P. Morgan ธนาคารอันดับ 1 ของโลก กำลังเตรียมจัดตั้งกองทุนบิตคอยน์อย่างเป็นทางการ เพื่อรองรับลูกค้าที่มีความต้องการซื้ออย่างมหาศาลในอนาคต
โดยแหล่งข่าวรายงานว่า J.P. Morgan พร้อมจะทำ Custody Service เพื่อรองรับการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต อีกทั้งจะเป็นแพลตฟอร์ม NYDIG ซึ่งหาก J.P. Morgan ทำสำเร็จ จะกลายเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาที่เริ่มทำงานกับบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์อย่างเป็นทางการ
“ข่าวนี้ถึงแม้ยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่เป็นไปได้อย่างมาก เพราะความต้องการของลูกค้าต่างๆ ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจบิตคอยน์ จากการที่ราคาพุ่งประมาณ 20 เท่า จาก 38,000 ดอลลาร์ ไปจนเกิน 64,000 ดอลลาร์ ในเดือนเมษายน 2021”
นอกจากนี้จะเห็นว่าหลากหลายธุรกิจต่างก็ออกมายอมรับการชำระเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซี เช่น Time นิตยสารระดับโลกประกาศว่า จะรับบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี ให้ลูกค้าสามารถนำเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีมาจ่ายเป็นค่าสมัครสมาชิกรายเดือนได้, WeWork ผู้ให้บริการเช่าพื้นที่ชั้นนำ ได้ร่วมมือกับ BitPay และ Coinbase ประกาศว่าจะเริ่มให้บริการกับลูกค้ายุคเศรษฐกิจ New Normal ด้วยการรับชำระเงินในสกุลเงินดิจิทัลที่เลือก แม้กระทั่งธุรกิจในประเทศไทยอย่าง นันยาง ก็ประกาศยอมรับการซื้อรองเท้าด้วยบิตคอยน์
PayPal และ Visa ต่างก็ประกาศรับบิตคอยน์ รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ และให้คนซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้
ขณะเดียวกัน PayPal ยังจับมือกับ Venmo ประกาศเปิดตัวคริปโตเคอร์เรนซีบน Venmo ซึ่งเป็นวิธีใหม่สำหรับลูกค้ามากกว่า 70 ล้านรายในการซื้อ ถือครอง และขายคริปโตเคอร์เรนซี โดยจะเริ่มจากเหรียญ 4 เหรียญ ได้แก่ Bitcoin, Ethereum, Litecoin และ Bitcoin Cash ส่วน Mastercard ก็จับมือกับ Wirex และ BitPay ออก Crypto Card
“ไม่ว่าความคิดเห็นเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร ความจริงก็ยังคงอยู่ที่ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญของโลกการเงินและการลงทุนยุคใหม่ คริปโตเคอร์เรนซีจะยังมีเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ดี จากการที่ Ecosystem ต่างๆ สมบูรณ์ขึ้น รวมทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐยังมีแนวโน้มอ่อนค่าอยู่จากการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบอีกมากเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งจะยังส่งผลให้คนนำเงินมากระจายการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนักลงทุนรายใหม่นั้น แนะนำให้เล่นตามความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ ควรดูทิศทางตลาด และอย่าตื่นตระหนกกับสถานการณ์ต่างๆ จนทำให้เกิด Panic Sell เพราะความตื่นตระหนกจะทำให้เราตัดสินใจอะไรที่ผิดพลาดได้ ควรเลือกลงทุนกับบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP