×

เหรียญ Binance (BNB) มีเป้าราคาที่กี่บาท? ลงทุนตอนนี้สายไปหรือไม่? ดีกว่าซื้อบิทคอยน์หรือไม่?

10.06.2022
  • LOADING...
Binance

คงเป็นคำถามที่นักลงทุนหลายๆ คนอยากจะรู้ ว่าตลาดคริปโตยังสามารถเข้าไปลงทุนได้หรือไม่ ผลกำไรที่คาดหวังควรจะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ หรือเป้าหมายราคาอยู่ที่กี่บาท เราจะมาหาคำตอบไปด้วยกันในบทความนี้ โดยเน้นไปที่ BNB Token เหรียญในเครือของกลุ่ม Binance ซึ่งประกอบธุรกิจ Global Crypto Exchange ใหญ่ที่สุดในโลก และมีเครือข่ายบล็อกเชนของตัวเองชื่อว่า Binance Smart Chain (ภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อเหรียญและเครือข่ายเป็น Build-and-Build)

 

เหรียญ BNB มี Max Supply 200 ล้านโทเคน และจะไม่มีเงินเฟ้อ (Inflation) เพราะนโยบายข้อตกลงเหรียญ BNB (Tokenomics) กำหนดไว้ว่าจะไม่ออกเหรียญเพิ่มในอนาคต โดยทางกลุ่มBinance จะนำกำไรส่วนหนึ่งจากธุรกิจ Exchange ไปซื้อเหรียญ BNB คืนจากระบบเพื่อนำไปทำลายทิ้ง (เผาเหรียญ) ผ่านสูตรคำนวณที่ได้กำหนดไว้ การทำลายเหรียญนี้เกิดขึ้นในทุกไตรมาส และจะมีประกาศให้ทุกคนทราบ ล่าสุดในไตรมาสแรกของปี 2022 กลุ่ม Binance ได้ใช้เงินจำนวน 25,000 ล้านบาท ซื้อ 1,839,786 BNB (เกือบ 1% Total Supply) เพื่อนำออกจากระบบ ขณะนี้เหรียญ BNB ถูกเผาไปแล้วกว่า 37 ล้านโทเคน จึงเหลือเหรียญ BNB อยู่เพียง 163 ล้านโทเคนในโลก ซึ่งตัวเลขนี้จะลดลงเรื่อยๆ

 

ทางกลุ่ม Binance ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเผาเหรียญให้เหลือต่ำกว่า 100 ล้านโทเคน ภายในเวลาอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จึงเพิ่มระบบทำลายเหรียญใหม่อีกวิธีคือ การนำค่า Commission ส่วนหนึ่งจากการตรวจสอบ Blockchain Transaction ในเครือ BNB ไปเผาด้วย (Real Time Burn) หมายความว่า ยิ่งระบบมีผู้ใช้เพิ่มขึ้น มีการทำธุรกรรมมากขึ้น ตัวเหรียญก็จะถูกเผามากขึ้นเช่นกัน ทำให้ราคาเหรียญ BNB จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับกำไรของ Binance เพียงอย่างเดียว แต่จะขึ้นอยู่กับปริมาณและระดับของกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นบน BNB Chain ด้วย ทั้งนี้ ผู้ที่ช่วยตรวจสอบรายการ (Transaction) ต่างๆ ในระบบ คือ Node Validator จะยังคงได้รับค่าตอบแทนส่วนหนึ่งจากผู้ใช้ระบบซึ่ง ณ ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 6-7% ต่อปี ผลตอบแทนจะเปลี่ยนแปลงตามปริมาณและขนาดรายการที่เกิดขึ้นใน BNB Chain โดยเหรียญที่ได้เป็นค่าดำเนินการ (Gas fee commission) จะเป็นเหรียญที่มีอยู่แล้วในระบบ ไม่มีการผลิตเหรียญใหม่เพื่อสงเสริม Node Validator เหมือน Bitcoin และ Ethereum

 

การเผาเหรียญจำนวนมากเปรียบเสมือนการซื้อหุ้นคืนของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (Share Buyback) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อคืนผลประโยชน์ให้ผู้ที่เข้ามาลงทุน ถ้าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ นโยบายในการคืนผลประโยชน์จะมี 2 วิธี คือ จ่ายเงินปันผล (Dividend) และซื้อหุ้นคืน (Share Buyback) ทว่าโลกบล็อกเชนเนื่องจากระบบคริปโตจะไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเงินจริง ทางกลุ่ม Binance จึงใช้วิธี Token Buyback ในการคืนผลประโยชน์ให้นักลงทุน

 

ระบบนิเวศของ Binance

ที่มาของภาพ (https://www.binance.com/en/blog/all/binance-2020-milestones-the-tipping-point-421499824684901410)

 

เหรียญ BNB มีประโยชน์อย่างไร ทำไมเหรียญ BNB ถึงมีความน่าสนใจ

ประการแรก เหรียญ BNB สามารถนำมาใช้ลดค่า Commission ในการเทรดได้บน Binance Exchange ซึ่งมีการซื้อขายประมาณ 2.5 ล้านล้านบาทต่อวันในตลาดโลก (อ้างอิงจากเว็บไซต์ Binance.com) หากค่า Fee โดยเฉลี่ยประมาณ 0.03%  แปลว่า 1,600 ล้านบาทต่อวันถูกนำมาใช้จ่ายเป็นค่า Fee ทุกวัน หรือคิดเป็น 160,000 BNB ต่อวัน หากเหรียญ BNB มูลค่า 300 USD ต่อเหรียญ จำนวนความต้องการเหรียญ BNB รายปีจะอยู่ที่ 60 ล้าน BNB Token การประเมินจะผันผวนอย่างมหาศาลตามปริมาณซื้อขายใน Binance Exchange ดังนั้นในตลาดกระทิง ความต้องการของเหรียญ BNB ก็จะเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเท่าตัวตามการเติบโตของ Crypto Adoption  และปริมาณซื้อขายใน Exchange

 

อีกหนึ่งความจำเป็นในการใช้เหรียญ BNB คือการนำมาใช้เพื่อจ่ายเป็นค่า Gas Fee หรือค่า Commission ในการทำธุรกรรมในระบบ BNB Smart Chain โดยปริมาณธุรกรรมของ BNB Chain นั้นถือว่าสูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับเครือข่ายอื่น และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาว

 

จากข้อมูลที่กล่าวไป สรุปได้ว่า ตัว Supply ของ BNB คือ 163 ล้านโทเคน และมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องส่วนความต้องการของเหรียญ (Demand) นั้นจะปรับตัวตามจำนวนผู้ใช้ Binance Exchange และ BNB Smart Chain หากตลาดคริปโตขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต และกลุ่ม Binance ยังครองตำแหน่ง Exchange ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ Demand ของเหรียญ BNB ก็ควรจะเพิ่มขึ้น และการเผาเหรียญ BNB ก็จะอยู่ในอัตราที่สูงกว่าเดิม ทั้งคู่จะเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อมูลค่าเหรียญ BNB ซึ่งต่างจากระบบ Ethereum ที่มีเงินเฟ้อจากการขุดเหรียญ และไม่มีกำไรจากธุรกิจจริงๆ อย่าง Crypto Exchange ที่จะนำไปช่วยเผาเหรียญ และต่างจาก Bitcoin ที่ยังคงมีเงินเฟ้อจากการขุดเหรียญ และไม่มี Use Case แต่อย่างใด นอกจาก Network Effect ที่คนเชื่อมั่นว่าจะมาแทนที่ทองคำในอนาคต เห็นได้ชัดว่าเหรียญแต่ละเหรียญถึงจะใช้บล็อกเชนเหมือนกัน แต่กลับมีหลักพื้นฐานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เช่นเดียวกับหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

 

การเผาเหรียญ BNB ครั้งที่ 19
ที่มาของภาพ Brook Digital Asset

 

ลงทุนตอนนี้สายไปหรือไม่?

กลับมาที่คำถามว่า ลงทุนตอนนี้สายไปหรือไม่ กฎข้อแรกในโลกคริปโตคือ DYOR (Do Your Own Research) ผู้ที่สนใจลงทุนจะต้องติดตามข้อมูลภาพกว้างอย่างต่อเนื่อง ข่าวสำคัญจะเป็นเรื่องการยอมรับคริปโตของประเทศใหม่ๆ เช่น Binance จับมือประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส เพื่อทำธุรกิจ Exchange ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้ผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น และการลงทุนของสถาบันการเงินชั้นนำ เช่น กองทุน BlackRock, ETFs, Mutual Funds ที่จะนำมาซึ่งเม็ดเงินมหาศาลให้ไหลเข้าสู่โลกคริปโต

 

นอกจากนี้เครือข่ายต่างๆ จะสามารถตรวจสอบจำนวนผู้ใช้งานและมูลค่าธุรกรรมของ BNB ได้ ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ bscscan.com/ หากผู้ลงทุนมองว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะมีผู้ใช้คริปโตเพิ่มขึ้นจากตัวเลขในวันนี้ ตลาดคริปโตก็จะมีโอกาสเติบโตที่สูงมากๆ ส่งผลดีต่อราคาเหรียญคริปโต โดยเฉพาะเหรียญที่มี Network ที่ใหญ่อยู่แล้วอย่าง BNB

 

เป้าราคา (Target Price) ของเหรียญ BNB?

การตั้งเป้าหมายราคาของเหรียญ BNB เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากๆ ด้วยปัจจัยมากมายและความไม่แน่นอนที่คาดการณ์ไม่ได้ นักการเงินจะไม่สามารถประเมินมูลค่าด้วย Discounted Cash Flow ได้ เพราะตัวเลขรายได้และกำไรของเครือข่ายจะมีความผันผวนสูงมาก จะทำได้เพียงการประเมินที่กว้างมากๆ จนเรียกว่าไร้ประโยชน์เลยก็ว่าได้ เพราะ Upside Gain จะขึ้นไปหลายสิบเท่า และ Downside Risk ก็คือขาดทุนมหาศาลหากตลาดคริปโตหยุดเติบโต

 

ในการตีมูลค่า นักวิชาการส่วนใหญ่จึงพยายามใช้หลัก Demand และ Supply ตามที่บทความได้กล่าวไป เพื่อให้เห็นทิศทางการเติบโตที่น่าจะเป็นโดยไม่มีเป้าราคา และในบางกรณีก็จะใช้ Relative Valuation หรือการเปรียบเทียบกับโลกการเงินหรือตลาดทองคำ เช่น มูลค่า Bitcoin ตอนนี้คือ 5 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทองคำ หากอัตราเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นเพราะมีผู้ลงทุนในคริปโตเพิ่มขึ้น มูลค่าของเหรียญก็จะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน แน่นอนว่าวิธีการนี้เป็นเพียงแค่การประมาณการเท่านั้น ไม่สามารถใช้ตีมูลค่าจริงๆ ได้แต่อย่างใด เพียงแค่เป็นการชี้ให้เห็นถึง Upside Gain ที่อาจเกิดขึ้นหากนักลงทุนเปลี่ยนพฤติกรรมไปลงทุนในคริปโตเพิ่มขึ้นด้วยการย้ายเงินจากตลาดการเงินต่างๆ และตลาดทองคำไปลงทุนในตลาดคริปโต

 

 

Market Capitalization by Asset in Trillion U.S. Dollars

Information: As of May 31, 2022

อ้างอิง:

 

สุดท้ายนี้อย่าลืมว่าโลกคริปโตนั้นยังใหม่มาก มีความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา โปรเจ็กต์ส่วนใหญ่จะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะผู้ชนะจะมีเพียงไม่กี่โปรเจ็กต์ที่จะครอง Market Share ของตลาดคริปโตไว้ได้ด้วย Network Effect ดังนั้นก่อนลงทุนในเรื่องนี้ ผู้ที่สนใจลงทุนควรศึกษาอย่างรอบคอบ และปรึกษาสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้แน่ใจว่าแหล่งข่าวที่ใช้มีความน่าเชื่อถือที่เพียงพอ

 

อ้างอิง:

 


 

ติดตามข่าวสารได้ที่ Brook Digital Asset 

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X