‘บิล เกตส์’ คาดโควิดใกล้คลี่คลาย แต่มีความเสี่ยงที่โลกจะเผชิญการระบาดของเชื้อตัวใหม่

บิล เกตส์ นักธุรกิจมหาเศรษฐีชั้นนำระดับโลก และผู้ก่อตั้ง Microsoft แสดงความเห็นระหว่างเข้าร่วมการประชุมด้านความมั่นคงที่เมืองมิวนิก เยอรมนี เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุชัดว่าสถานการณ์การระบาดของโควิดในขณะนี้กำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่ทั่วโลกจะต้องเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่จากเชื้อโรคที่แตกต่างออกจากตระกูลโคโรนาไวรัส

เกตส์กล่าวย้ำว่า ปัญหาจากการเผชิญกับการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่จะไม่ใช่วิกฤตที่น่าตื่นตระหนกอีกต่อไป หากทั่วโลกหันมาร่วมมือและจัดสรรงบประมาณในการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์อย่างจริงจัง โดยเกตส์มั่นใจว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์นี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ทั่วโลกทำงานต่อสู้รับมือกับโรคระบาดต่างๆ ได้ดีมากขึ้น

นอกจากนี้เกตส์ยังเสริมให้ทั่วโลกควรเร่งเดินหน้าพัฒนาและแจกจ่ายกระจายวัคซีนให้รวดเร็วและทั่วถึง พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลไม่ลืมจัดสรรงบเพื่อลงทุนด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อที่ว่าในกรณีที่เกิดการระบาดครั้งหน้า แทนที่จะใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าที่สถานการณ์การระบาดจะคลี่คลาย ก็สามารถใช้เวลาเพียงแค่ 6 เดือน ก่อนย้ำว่าต้นทุนที่ใช้ในการเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคระบาดหรือโรคอุบัติใหม่ไม่ได้มากมายสาหัสเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการรับมือกับภาวะโลกร้อน

ทั้งนี้ บิล เกตส์ ภายใต้มูลนิธิ Bill & Melinda Gates ได้ร่วมมือกับทาง Wellcome Trust ของอังกฤษ บริจาคเงิน 300 ล้านดอลลาร์ให้กับความร่วมมือแนวร่วมเพื่อนวัตกรรมการเตรียมความพร้อมในการแพร่ระบาด หรือ Coalition for Epidemic Preparedness Innovations (CEPI) โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมทุนให้ได้ 3.5 พันล้านดอลลาร์ สำหรับเป็นงบสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ให้สำเร็จภายใน 100 วัน ในกรณีที่เกิดโรคระบาดระลอกใหม่

ในส่วนของสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดในปัจจุบัน หลายฝ่ายยอมรับว่าเหตุผลหลักที่ทำให้สถานการณ์การระบาดคลี่คลายไปในทางบวก เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่สามารถคิดค้นและผลิตวัคซีนออกมาจัดการกับโควิดได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยประสิทธิภาพของวัคซีนในปัจจุบัน ทำให้คนส่วนใหญ่ยังคงกังขาอยู่ว่าเมื่อฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้ว จะถือได้ว่าเดินทางท่องเที่ยวได้ปลอดภัยสบายใจได้แล้วหรือยัง

งานนี้ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ได้รวบรวมความเห็นจากแพทย์ผู้ชำนาญการ 4 ราย ซึ่งทั้งหมดมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป เริ่มต้นที่ เดล ฟิชเชอร์ หัวหน้าทีมแพทย์ของมหาวิทยาลัยเฮลท์ซิสเต็มในสิงคโปร์ ที่เชื่อมั่นว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสได้รับความคุ้มครองอย่างดี โดยที่ความเสี่ยงจากการป่วยหนักอยู่ในระดับที่ต่ำมาก และความเสี่ยงในการเดินทางเป็นเรื่องของความไม่สะดวกมากกว่าความกังวลเรื่องสุขภาพ คือนักเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้อาจมีโอกาสติดเชื้อได้อยู่ แต่เบาใจได้ว่าอาการเจ็บป่วยจะไม่รุนแรง

ด้าน ดร.แพทริซ แฮร์ริส อดีตประธานสมาคมแพทย์สหรัฐฯ มองว่า ต่อให้ฉีดครบโดสแล้วก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยมาตรการป้องกันด้านสุขภาพและสุขอนามัยต่างๆ เพราะอย่างน้อยต่อให้สถานการณ์คลี่คลายในทางบวก แต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าการระบาดสิ้นสุดลงแล้ว

อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ เพียงแต่ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการพกเอกสารการฉีดวัคซีน การสวมหน้ากาก การเว้นระยะห่าง และการหลีกเลี่ยงในที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท

ส่วน สเตฟานอส เคลส์ ศาสตราจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า สำหรับคนปกติที่ร่างกายแข็งแรง ไม่ได้เจ็บป่วยหรือมีโรคประจำตัวใดๆ หากได้รับวัคซีนจนครบโดสบวกกับเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 แล้ว ก็น่าจะเดินทางได้อย่างเบาใจมากขึ้น

ขณะที่คนที่มีโรคประจำตัว หรือร่างกายอ่อนแอ ก็ยังสามารถเดินทางได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติเช่นกัน โดยมุมมองของเคลส์สนับสนุนให้ผู้คนยอมรับ เผชิญหน้า และหาวิธีปรับตัวอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ เพราะดูเหมือนว่าไวรัสสายพันธุ์นี้จะไม่หายไปจากโลกนี้โดยเด็ดขาดแน่นอนแล้ว ดังนั้นก็ต้องรับมือกับไวรัสเหมือนที่รับมือกับโรคไข้หวัด

ด้านศาสตราจารย์ไซรีลย์ โคเฮน หัวหน้าห้องปฏิบัติการภูมิคุ้มกันวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยบาร์อีลันในอิสราเอล กล่าวว่า ยังคงเร็วเกินไปที่จะมั่นใจได้ว่าคนที่ได้รับวัคซีนแล้วจะปลอดภัย คนที่ติดเชื้อและรักษาหายแล้วจะมีภูมิคุ้มกัน โดยสิ่งที่น่ากังวลคือการกลายพันธุ์ของไวรัส ดังนั้นจนกว่าสถานการณ์จะกลับมาปลอดภัยอย่างแน่นอน สามารถควบคุมสกัดกั้นการระบาดได้ 100% อยากให้ผู้คนหลีกเลี่ยงหรืองดเว้นการเดินทาง และดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความระมัดระวังสูงสุดก่อน

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH