บิล แอ็กแมน มหาเศรษฐีและผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ชื่อดัง มองว่าราคา Bitcoin มีโอกาสพุ่งต่อ ทำให้ต้นทุนด้านพลังงานสูงขึ้นจนอาจทำเงินเฟ้อขึ้น
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (10 มีนาคม) บิล แอ็กแมน มหาเศรษฐีและผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ Pershing Square Capital Management เผยว่าราคา Bitcoin มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนด้านพลังงานสูงขึ้น และจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
แอ็กแมนโพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า การเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin จะทำให้มีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น เมื่อการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นจะทำให้ต้นทุนพลังงานพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อสูงขึ้น และทำให้มูลค่าของเงินดอลลาร์ต่ำลง
เมื่อนั้นความต้องการ Bitcoin ก็จะกลับมาเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้การขุด Bitcoin เพิ่มขึ้น ความต้องการใช้พลังงานจะสูงขึ้น เป็นวงจรไปเรื่อยๆ และดันราคา Bitcoin พุ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
แอ็กแมนกล่าวว่า สุดท้าย Bitcoin จะพุ่งไปไม่มีที่สิ้นสุด ต้นทุนพลังงานพุ่งทะยาน และจะทำให้เศรษฐกิจพังลงมา พร้อมปิดท้ายว่า “บางทีผมอาจควรซื้อ Bitcoin เก็บไว้บ้าง”
แต่ในภายหลังแอ็กแมนได้โพสต์ข้อความเพิ่มว่า “แน่นอนว่าปัญหาหลักคือมันทำงานในทิศทางตรงกันข้าม (วัฏจักรที่กล่าวมา) ด้วยเช่นกัน”
และก็ไม่น่าแปลกใจที่โพสต์ของแอ็กแมนจะดึงความสนใจของเหล่านักลงทุนใน Bitcoin อย่างรวดเร็ว ซึ่ง ไมเคิล เซย์เลอร์ ประธานกรรมการ MicroStrategy บริษัทเอกชนที่ลงทุนใน Bitcoin เป็นอันดับต้นๆ ของโลก ได้ตอบกลับข้อความดังกล่าวอย่างรวดเร็ว
โดยเซย์เลอร์ตอบกลับว่า “คุณควรซื้อ Bitcoin บ้าง แต่ไม่ใช่ตามเหตุผลที่กล่าวมา เพราะนักขุด Bitcoin จำนวนมากทำให้ต้นทุนพลังงานไฟฟ้าต่ำลง และหากคุณอยากรู้อะไรเพิ่มเติมสามารถบอกผมเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัวได้”
แอ็กแมนเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยืนยันชัดเจนมาโดยตลอดที่จะไม่ลงทุนใน Bitcoin และเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ แต่ในช่วงปี 2022 ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่ามีการลงทุนในบางโปรเจกต์ที่มองว่ามีรูปแบบที่น่าสนใจ และกล่าวในช่วงนั้นว่าเขาลงทุนในคริปโตเหล่านี้เป็นงานอดิเรกเพื่อเรียนรู้แทนที่จะระมัดระวังจนเกินไป
ภาพ: SEAN GLADWELL/Getty Images
อ้างอิง: