ในการบุกฮ่องกงอย่างเป็นทางการของ Big C ทางด้าน อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานและซีอีโอของ Big C ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารของบริษัทแม่ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ได้บินไปเปิดด้วยตัวเอง พร้อมกับบอกว่า “ฮ่องกงสำหรับเราคือประตูสู่จีน”
รายงานของ Nikkei Asia ระบุว่า Big C มีสาขามากกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศไทย สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม การเข้าสู่ฮ่องกงถือเป็นการผลักดันครั้งแรกของผู้ค้าปลีกนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเกิดขึ้นหลังการเข้าซื้อ AbouThai Group ผู้ค้าปลีกในฮ่องกงที่เชี่ยวชาญด้านร้านขายของชำและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากประเทศไทย ด้วยมูลค่าไม่เกิน 300 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เจ้าสัวเจริญเจาะฮ่องกง ซื้อ AbouThai ก่อนรีแบรนด์เป็น Big C พร้อมทุ่มงบ 700 ล้านบาทเพิ่มสาขา เตรียมเข้าตลาดควบฮ่องกง-ไทยไตรมาส 4 ปีนี้
- “โอกาสของธุรกิจค้าปลีกไม่ใช่แค่ในไทย แต่รวมไปถึงเวียดนามและ สปป.ลาว” จับตา ‘บิ๊กซี รีเทล’ กับการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก่อนขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ
- อัศวิน เตชะเจริญวิกุล แม่ทัพใหญ่ บิ๊กซี รีเทลฯ เลื่อนแผน IPO จำนวน 3,730 ล้านหุ้น ออกไปไม่มีกำหนด หลังตลาดทุนและเศรษฐกิจโลกผันผวน
อัศวินบอกว่า จะลงทุนมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 935 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อขยายร้าน Big C เป็น 99 แห่งภายในสิ้นปี 2569 จากตอนนี้ที่มีอยู่ราว 24 แห่งที่มาจากการซื้อกิจการ พร้อมกันนี้ยังได้ตั้งเป้ายอดขาย 1 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกงต่อปี หรือ 4.7 พันล้านบาทในเวลานั้น เมื่อถามว่าคาดว่าจะทำกำไรได้เมื่อใด อัศวินตอบเพียงว่า “เร็วๆ นี้”
การลงทุนของ Big C ถือเป็นปัจจัยหนุนสำหรับฮ่องกง ซึ่งกำลังพยายามกระจายแหล่งที่มาของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เนื่องจากผลกระทบจากความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกาที่เพิ่มสูงขึ้น
แม้ธุรกิจไทยหลายแห่งสนใจที่จะเข้าสู่ฮ่องกง แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจในเมืองนี้สูงกว่าที่อื่นๆ ส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นักลงทุนนอกเหนือจาก Big C “จึงต้องคิดให้รอบคอบ” ว่าจะมาฮ่องกงหรือไม่ จาตุรนต์ ไชยะคำ กงสุลใหญ่ประจำฮ่องกง กล่าวกับ Nikkei Asia
สำหรับแผนธุรกิจของ Big C ในจีนแผ่นดินใหญ่ อัศวินให้รายละเอียดไว้เพียงเล็กน้อยว่า “จีนแผ่นดินใหญ่สำหรับเราคือตลาดใหญ่” โดยชี้ให้เห็นว่าได้ให้บริการผ่านทางออนไลน์แก่ลูกค้ารายย่อยบนแผ่นดินใหญ่แล้ว และได้ตั้งศูนย์กระจายสินค้าที่กว่างโจว โดยอัศวินเน้นย้ำว่าจีนแผ่นดินใหญ่คือจุดที่ “เรามุ่งหวังที่จะทำมากกว่านี้” แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
อัศวินยังบอกด้วยว่า “การเข้าจดทะเบียนในฮ่องกงเป็นสิ่งที่เรากำลังพิจารณาอยู่อย่างแน่นอน” แม้การเข้าจดทะเบียนในไทยจะเลื่อนออกไป แต่เขาเชื่อว่า “ปีหน้าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีกว่าปีนี้” เนื่องจากตลาดตราสารทุนน่าจะฟื้นตัวหลังจากได้รัฐบาลใหม่เข้ามา
อ้างอิง: