ไบเดนเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาคืนอำนาจให้รัฐบาลพลเรือนในทันที มิฉะนั้นอาจจำเป็นต้องพิจารณามาตรการตอบโต้

วันนี้ (2 กุมภาพันธ์) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และทำเนียบขาว เฝ้าติดตามสถานการณ์การรัฐประหารโดยกองทัพในเมียนมาอย่างใกล้ชิด โดยเรียกร้องให้กองทัพคืนอำนาจให้รัฐบาลพลเรือนในทันที มิฉะนั้นอาจจำเป็นต้องพิจารณามาตรการคว่ำบาตรต่างๆ เพื่อตอบโต้การรัฐประหารดังกล่าว ดังที่เคยยกเลิกไปหลังเมียนมาเริ่มเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านสู่สังคมประชาธิปไตยอีกครั้งเมื่อปี 2011

โดย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพเมียนมา เป็นผู้นำรัฐประหารเข้ายึดอำนาจรัฐบาลพลเรือน และได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นระยะเวลา 1 ปี พร้อมแต่งตั้ง พล.อ. อู มิน ส่วย รองประธานาธิบดีที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ขึ้นรักษาการตำแหน่งประธานาธิบดีเมียนมาชั่วคราว พร้อมควบคุมตัว ออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาประเทศ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ปี 1991 รวมถึงประธานาธิบดี วิน มินต์ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล ก่อนเข้ากระชับอำนาจเมื่อวานนี้

“สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเมียนมาตั้งแต่ทศวรรษที่ผ่านมา หลังเมียนมาขับเคลื่อนสู่สังคมประชาธิปไตย แต่มาตรการดังกล่าวอาจได้รับพิจารณาให้กลับมาใช้อีกครั้ง หากมีความจำเป็น

“เราจะร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับประชาคมโลก เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูประชาธิปไตย หลักนิติธรรม รวมถึงแบกรับความรับผิดชอบต่อเหตุกีดขวางการขับเคลื่อนประชาธิปไตยในเมียนมา”

เมียนมาอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทหารอย่างเป็นทางการตั้งแต่การรัฐประหารของนายพลเนวินเมื่อปี 1962 จนถึงปี 2011 ภายใต้การนำของนายพลเต็งเส่ง ก่อนที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) จะชนะการเลือกตั้งครั้งใหญ่เมื่อปี 2015 และจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนครั้งแรกในรอบหลายสิบปีเมื่อช่วงต้นปี 2016 ที่ผ่านมา และได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายอีกครั้งในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2020 ก่อนที่กองทัพเมียนมาจะอ้างว่า การเลือกตั้งครั้งดังกล่าวไม่โปร่งใสและมีการทุจริต จึงนำไปสู่การยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนในที่สุด

ทางด้าน แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ เผยว่า “คณะทำงานของรัฐบาลไบเดนจะยืนหยัดและร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นประชาธิปไตยทั่วโลกประณามระบอบเผด็จการที่ทำลายประชาธิปไตยในครั้งนี้

“เราจำเป็นต้องสนับสนุนประชาชนชาวเมียนมาในการเดินทางสู่ความเป็นประชาธิปไตย และกำหนดต้นทุนที่ต้องจ่าย สำหรับผู้ที่กีดขวางเส้นทางของพวกเขา”

บทความที่เกี่ยวข้อง:

ภาพ: Drew Angerer / Getty Images

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง: