ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ต้องการต่ออายุสนธิสัญญา ‘ลดอาวุธยุทธศาสตร์ฉบับใหม่’ หรือ New START (Strategic Arms Reduction Treaty) ที่สหรัฐฯ ลงนามไว้กับรัสเซีย ไปอีก 5 ปี
สนธิสัญญา New START มีเนื้อหาว่า สหรัฐฯ และรัสเซียจะต้องจำกัดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมใช้งานให้เหลือประเทศละไม่เกิน 1,550 ลูก ซึ่งเป็นการจำกัดหัวรบนิวเคลียร์ให้อยู่ในระดับที่ถือว่าต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ
ไม่เพียงเท่านั้น สนธิสัญญาฉบับนี้ยังจำกัดจำนวนขีปนาวุธแบบยิงจากภาคพื้นดินและจากเรือดำน้ำ รวมถึงจำนวนเครื่องบินทิ้งระเบิดด้วย โดยสนธิสัญญา New START มีกำหนดหมดอายุในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้
เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า “ประธานาธิบดีไบเดนชัดเจนมาตลอดว่า สนธิสัญญา New START เป็นผลประโยชน์ด้านความมั่นคงต่อสหรัฐฯ การต่ออายุสนธิสัญญาจึงเป็นเหตุเป็นผล โดยเฉพาะในเวลานี้ที่สหรัฐฯ เป็นคู่อริกับรัสเซีย”
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ระบุว่า หากสนธิสัญญาได้รับการต่ออายุ ชาวอเมริกันจะมีความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งนี้ ทางกระทรวงจะสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของรัสเซีย และให้คำมั่นจะปกป้องประเทศจากการกระทำที่อุกอาจและเป็นอันตรายจากรัสเซีย
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายวิเคราะห์ว่า หากสนธิสัญญาฯ สิ้นสุดลงโดยไม่มีการต่ออายุ อาจนำไปสู่การแข่งขันผลิตอาวุธยุทธศาสตร์ ทั้งหัวรบนิวเคลียร์และระบบยิงขีปนาวุธที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย
รัฐบาลรัสเซียเองเห็นพ้องที่จะต่ออายุสนธิสัญญา New START และแสดงความพร้อมที่ร่วมมือเพื่อบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลของไบเดน
การประกาศต่ออายุสนธิสัญญาจำกัดอาวุธยุทธศาสตร์กับชาติคู่อริอย่างรัสเซีย ถือเป็นการตัดสินใจสำคัญในเชิงนโยบายต่างประเทศครั้งแรกของรัฐบาลชุดไบเดน หลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา
โฆษกทำเนียบขาวยังระบุว่า ไบเดนได้มอบหมายให้หน่วยข่าวกรองต่างๆ ของสหรัฐฯ ดำเนินการตรวจสอบข้อกล่าวหาต่างๆ ต่อรัสเซีย กรณีการล้วงข้อมูลไซเบอร์ของบริษัท ‘โซลาร์วินด์ส’, การแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2020, การใช้อาวุธเคมีโจมตี อเล็กเซย์ นาวัลนี แกนนำฝ่ายค้าน และข้อกล่าวหาว่ารัสเซียตั้งค่าหัวทหารอเมริกันในอัฟกานิสถาน
“แม้เราจะทำงานร่วมกับรัสเซียเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ แต่เราเองจะเดินหน้าเอาผิดรัฐบาลรัสเซียต่อพฤติกรรมที่อุกอาจและเป็นปรปักษ์ด้วย” เจน ซากี กล่าว
ภาพ: NOEL CELIS / AFP
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: