วานนี้ (23 กันยายน) ที่จังหวัดขอนแก่น อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคในจังหวัดขอนแก่น กล่าวแสดงความมั่นใจในตัวผู้สมัครของพรรคว่า สามารถสู้คู่แข่งการเมืองในพื้นที่ได้ และพรรคภูมิใจไทยไม่ห่วงเรื่องการลงพื้นที่หาเสียง หรือการติดตั้งป้ายหาเสียงหลังจากที่วันนี้ (24 กันยายน) จะเริ่มนับห้วงเวลา 180 วันก่อนวันเลือกตั้ง จะคิดคำนวณค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง โดยจะศึกษาระเบียบกฎหมาย
ส่วนป้ายหาเสียงก็ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง และย้ำว่าการติดตั้งป้ายหาเสียงเกิดขึ้นมาก่อน และทำมานานแล้วก่อนเริ่มนับ 180 วัน แต่ก็ระวังเรื่องของการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เช่น การสัญญาว่าจะให้ การแจกของ โดยมีการย้ำในไลน์กลุ่มของ ส.ส. พรรค ว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ พร้อมยกกรณีการจัดเวทีภูมิใจไทยสัญจรในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ทุกฝ่าย ตามกำหนดเดิมพรรคจะจัดงานในวันที่ 24 กันยายน แต่เลือกที่จะจัดงานในวันที่ 23 กันยายนแทน
อนุทินยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะได้เปรียบในการหาเสียงเลือกตั้ง เนื่องจากมีหมวก 2 ใบที่เป็นรัฐมนตรี และความเป็นพรรคการเมืองในการลงพื้นที่ โดยชี้แจงว่าพรรคภูมิใจไทยได้เปรียบเพราะได้ลงมือทำงานก่อนคนอื่น ทำงานหนักกว่าคนอื่น เราก็ต้องได้เปรียบ ไม่ใช่ความได้เปรียบเกิดขึ้นจากการเอาเปรียบคนอื่น แต่ทำด้วยความขยันขันแข็ง ลงพื้นที่ไม่เคยขาด รัฐมนตรีของพรรคก็ลงพื้นที่มาตลอด หากจะได้เปรียบก็ถือเป็นความได้เปรียบที่พึงจะได้ เพราะไม่ใช่เอาอำนาจที่มีอยู่ไปกีดกันคนอื่น
อนุทินยังกล่าวถึงกรณีตั้งเป้าเป็นพรรคแกนหลักจัดตั้งรัฐบาล ประกาศตัวพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ว่า พรรคภูมิใจไทยเสนอใครเป็นนายกฯ ล่ะ และพรรคต้องทำให้ประชาชนมั่นใจด้วยการตั้งเป้าเป็นพรรคอันดับหนึ่ง หากมีจำนวน ส.ส. เยอะก็จะผลักดันเป้าหมายได้ และพรรคภูมิใจไทยจะไม่เป็นเหยื่อเกมการเมืองของใคร ส่วนจะได้จำนวน ส.ส. เกิน 100 ที่นั่งหรือไม่ เป็นเรื่องของอนาคต โดยยืนยันจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
“ถ้าเราทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ แทนที่สิ่งเหล่านั้นจะได้รับการสนับสนุนจากบรรดาคนการเมืองด้วยกัน แต่มีการล็อกเตะตัดแข้งตัดขา ผลเสียก็เกิดต่อประชาชน ไม่ได้เกิดผลเสียต่อสมาชิกพรรคภูมิใจไทยแม้แต่น้อย ซึ่งตรงนี้ทำให้ภูมิใจไทยสามารถบอกประชาชนได้ว่าปัญหาคืออะไร คนที่ไม่ได้ทำงานไม่เข้าใจ ใครทำอะไรออกมาก็เหมือนกับปล่อยไก่ เราจึงไม่มีความหวั่นไหว แต่ทำให้การเมืองไม่เข้มแข็ง บางคนตัดสินใจทำแบบนี้กับพรรคภูมิใจไทย เขาคงคิดว่าไม่ต้องมีการพึ่งพาอะไรกันแล้ว ไม่ต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายไหน ผ่านกฎหมายสำคัญแล้ว ก็เลยปฏิบัติตัวแบบนี้” อนุทินกล่าว
อนุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า เจ็บที่ประชาชนเสียประโยชน์ เสียโอกาส ไม่ได้เจ็บเพราะตัวเองเกิดประโยชน์อะไร โดยได้เล่าสิ่งที่เคยพูดแล้วว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ต้องการมีเรื่องกับใคร อย่ามาทำพรรคภูมิใจไทยเลย ทำงานรับใช้ประชาชนอย่างเดียว อย่ามาตีพรรคภูมิใจไทย หากมาตีพรรคภูมิใจไทยก็ทำประโยชน์ให้ประชาชนไม่ได้เต็มที่
“ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น หรือพื้นที่จังหวัดไหน ไม่มีพื้นที่ทางการเมืองของใคร เพราะอยู่ที่ว่าใครทำงานให้ประชาชนแค่ไหน เพราะบุรีรัมย์ก็ไม่ใช่จังหวัดของภูมิใจไทย หาก ส.ส. ภูมิใจไทยในบุรีรัมย์ขี้เกียจก็เรียบร้อย โดยไม่ขอประเมินความยากง่ายในการทำพื้นที่ทางการเมืองจังหวัดขอนแก่น แต่จะดูความทุ่มเทของอาสาสมัครที่จะมาเป็นผู้แทนในการทุ่มเททำงานในพื้นที่ โดยได้มอบหมายให้ เอกราช ช่างเหลา เป็นผู้ประสานงานในเขตที่เหลืออยู่” อนุทินกล่าว
อนุทินยังปฏิเสธถึงข้อสังเกตการไม่โต้ตอบกับพรรคเพื่อไทยว่า จะเป็นการร่วมงานกันทางการเมืองในอนาคตหรือไม่ เพียงแต่ชี้แจงว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ยุ่งอะไรกับใคร ซึ่งหากพรรคการเมืองใดที่จะทำประโยชน์ให้กับประชาชน พรรคภูมิใจไทยก็พร้อมสนับสนุน
อนุทินยังระบุถึงการจับมือพรรคการเมืองใดในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ให้รอดูผลการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคภูมิใจไทยจะจับมือกับพรรคใดจัดตั้งรัฐบาล พร้อมเปิดใจว่า “รู้สึกกดดันและอึดอัด” เวลาต้องรอว่าคนโน้นคนนี้จะเอาเราหรือไม่ แต่ตั้งเป้าทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยว่า พยายามทำให้ถึงจุดที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเลือกใครดีกว่า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีกลุ่มประชาชนชาวขอนแก่นที่ชูป้ายสนับสนุนให้อนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น อนุทินกล่าวว่า “สมพรปาก”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราวด้วยคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกัน 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งไปขอพรเนื่องในวันเกิด ซึ่งจากการพูดคุยบอกว่า พล.อ. ประยุทธ์มีท่าทีที่สบายใจ โดยไม่ขอก้าวล่วงคำวินิจฉัยของศาล แต่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลก็ให้กำลังใจ และย้ำว่า พล.อ. ประยุทธ์เข้มแข็งอยู่แล้ว