ผ่านมากว่า 3 เดือนแล้วนับจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง แต่ยังไม่มีใครตอบได้ว่าไทม์ไลน์ที่วางไว้ว่าประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีไม่เกินเดือนสิงหาคมนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และรัฐบาลใหม่จะมีเสถียรภาพแค่ไหน มีเพียงภาพที่ชัดเจนว่าพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทยและภูมิใจไทยลงเรือลำเดียวกันแล้วอย่างแน่นอน
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ปรากฏโผที่คาดว่าพรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีถึง 8 กระทรวง ได้แก่ รองนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และรัฐมนตรีว่าการหรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
แต่ก่อนถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า THE STANDARD WEALTH ชวนย้อนดูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคภูมิใจไทยอีกครั้ง
สโลแกน ‘พูดแล้วทำ’ พร้อมเร่งแก้เศรษฐกิจด้วย 3 นโยบายเด่น
1. พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอก คนละไม่เกิน 1 ล้านบาท
สำหรับพรรคภูมิใจไทยวันนี้ยังไม่ปรากฏหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ชัดเจน แต่หากลงรายละเอียดตามที่พรรคภูมิใจไทยได้วางนโยบายไว้ นโยบายนี้ดูเหมือนจะเน้นแก้หนี้สินมาเป็นอันดับแรก เนื่องจากการพักหนี้ในที่นี้คือพักทั้งต้นและดอกเบี้ย ง่ายๆ เลยคือไม่ต้องจ่ายตลอด 3 ปีเต็ม แต่วงเงินของหนี้ต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท และต้องเป็นหนี้ในระบบที่มีการทำสัญญาอย่างถูกต้องตามกฎหมายกับเจ้าหนี้ที่รัฐบาลรับรองให้ปล่อยเงินกู้ได้ ได้แก่ ธนาคาร, สถาบันการเงิน, สหกรณ์, กยศ., กองทุนหมู่บ้าน, บัตรเครดิต, ไฟแนนซ์ และลีซซิ่ง
นโยบายนี้จะทำได้จริงหรือไม่นั้น พรรคภูมิใจไทยกล่าวไว้ว่าจะมาจากวิธีการคือ การออกพันธบัตรรัฐบาล ชื่อพันธบัตร ‘Thai Power’ หรือพันธบัตรคนไทยรวมพลัง จำหน่ายให้กับประชาชนผู้มีเงินฝากด้วยอัตราดอกเบี้ย 2.5-3% แล้วนำเงินที่ได้จากการขายพันธบัตรมาแก้ปัญหาหนี้สินให้ประชาชนที่เป็นหนี้
ดังนั้นเมื่อครบเวลาพักหนี้ 3 ปี ประชาชนจะมีความสามารถชำระหนี้ได้เพิ่มขึ้น เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้มากขึ้น ลดปัญหาหนี้สินให้ประชาชน ลดปัญหาหนี้เสียให้ธนาคาร สถาบันการเงิน สหกรณ์ และกองทุนต่างๆ ที่เป็นเจ้าหนี้
2. นโยบายเงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
นโยบายนี้จะให้คนไทยทุกคนที่บรรลุนิติภาวะอายุ 20 ปีขึ้นไป ได้มีวงเงินกู้ฉุกเฉินคนละ 50,000 บาท เพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินของชีวิตตัวเองและครอบครัว หรือใช้เป็นทุนประกอบอาชีพ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ตัวเอง รวมไปถึงใช้เป็นเงินปิดวงจรหนี้นอกระบบของตัวเองได้
โดยการจัดหาแหล่งเงินมาจัดทำโครงการเงินกู้ฉุกเฉินให้แก่ประชาชนคนละ 50,000 บาท ผ่อนชำระคืนวันละ 150 บาท เป็นเวลา 365 วัน คิดเป็นเงินต้นรวมดอกเบี้ย 54,750 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่เชื่อว่าผู้กู้สามารถผ่อนชำระได้ และทำให้ทุกคนมีเงินทุนประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ รวมถึงหยุดปัญหาหนี้นอกระบบของตนเองได้อีกทางหนึ่ง
3. นโยบายพลังงานสะอาด ลดรายจ่ายประชาชน
จากรายละเอียดระบุว่ามีแนวทาง 2 ข้อ คือ
3.1 ติดตั้งฟรีโซลาร์เซลล์หลังคาบ้านเพื่อลดค่าไฟฟ้า หลังคาเรือนละ 450 บาท โดยประชาชนทุกคนจะได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใช้ในบ้านเรือน คิดเป็นค่ากระแสไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 450 บาทต่อเดือน โดยรัฐบาลจะติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้แก่ประชาชนที่มีบ้านหรือที่พักอาศัย สถานประกอบการ เข้าร่วมโครงการฟรี และรับซื้อกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จากประชาชน โดยการบันทึกเป็นเครดิตพลังงานที่ประชาชนนำไปใช้จ่ายเมื่อใช้กระแสไฟฟ้าสำหรับบ้านเรือนและยานยนต์ไฟฟ้า และประชาชนที่เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับส่วนลดค่ากระแสไฟฟ้าและเครดิตพลังงานเป็นเวลา 25 ปี ตามอายุโครงการความร่วมมือผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ระหว่างรัฐบาลกับประชาชน
3.2 รับสิทธิซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ราคา 6,000 บาท ผ่อนจ่ายเดือนละ 100 บาท เป็นเวลา 60 งวด ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์ฟรีจะได้รับสิทธิซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าบ้านละ 1 คัน ในราคา 6,000 บาท ด้วยระบบผ่อนชำระเดือนละ 100 บาท เป็นเวลา 60 เดือน และสามารถใช้เครดิตพลังงานเติมกระแสไฟฟ้าได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าพลังงานสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดรายจ่ายให้แก่ประชาชน ทั้งการซื้อรถราคาถูกและไม่ต้องเสียเงินค่าพลังงาน
ผู้เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากรัฐบาลในฐานะผู้ผลิตพลังงานสะอาดให้กับรัฐบาล ลดการลงทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าของรัฐบาล และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ประเทศไทยที่จะก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่ผลิตพลังงานสะอาดเป็นลำดับต้นๆ ของโลก
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมหภาค
นอกจาก 3 นโยบายข้างต้น ยังมีนโยบายมหภาคที่โดดเด่นที่เกี่ยวข้องใน 5 เซ็กเตอร์ ภาคเกษตร คมนาคม อุตสาหกรรม ท่องเที่ยว และพาณิชย์ ได้แก่
- นโยบายด้านเกษตร ‘เกษตรร่ำรวย’ ด้วย Contract Farming รู้ราคาก่อนปลูก รับเงินก่อนขาย เสียหายมีประกัน นำมาใช้กับพืชเศรษฐกิจ 4 ชนิด ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน และจะขยายไปสู่พืชอื่นๆ
- นโยบายแลนด์บริดจ์อ่าวไทย-อันดามัน ยกระดับการคมนาคมของประเทศไทย สู่การเป็นศูนย์กลางคมนาคมอาเซียน พัฒนาเศรษฐกิจทุกมิติ ผลักดันเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจการลงทุน
- นโยบายกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว รายได้ดี 4 ปี 6 ล้านล้านบาท เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวสู่ 80 ล้านคน และสร้างงานดี 10 ล้านตำแหน่ง เพิ่มอัตราการจ้างงาน สร้างแรงจูงใจ พัฒนาศักยภาพแรงงาน
- นโยบายผลักดันเศรษฐกิจใหม่ ไฮไลต์ของพรรคภูมิใจไทยคือการเชื่อมภาคเกษตรกับภาคอุตสาหกรรมการแพทย์ สมุนไพรกัญชา โดยจะส่งเสริมอย่างถูกต้องตั้งแต่การวิจัย การปลูก การผลิต การตลาด ปั้นประเทศไทยให้เป็นเมืองแห่งสมุนไพร เชื่อม Soft Power
มุมมองจากภาคเอกชน
พลกฤต กล่ำเครือ นายกสมาคมผู้ประกอบการและช่างพลังงานแสงอาทิตย์ กล่าวว่า สนับสนุนให้รัฐบาลใหม่ผลักดันโซลาร์เซลล์และส่งเสริมโครงการโซลาร์ภาคประชาชนต่อไป โดยขอให้เพิ่มเป้าหมายการรับซื้อให้มากขึ้น จากกำหนดเดิมที่เปิดรับซื้อระยะยาว 10 ปี (ปี 2564-2573) ไม่เกิน 90 เมกะวัตต์ พร้อมกับปรับอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากปัจจุบัน 2.20 บาทต่อหน่วย เป็นอย่างต่ำ 3.20 บาทต่อหน่วย เพื่อให้ไม่ห่างจากอัตราค่าไฟฟ้าปัจจุบัน
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวในงาน 10 ประเด็นที่เอกชนต้องการเห็นในนโยบายพรรคการเมือง ว่า ต้นตอเศรษฐกิจไทยขณะนี้เต็มไปด้วยหนี้สิน เป้าหมายต่อไปคือจะทำอย่างไรให้เติบโต มั่นคง และเสมอภาค และการว่างงานไม่ควรสูงกว่า 5% เงินเฟ้อไม่ควรสูงเกิน 4-5% หนี้สาธารณะไม่ควรสูงเกินไปกว่านี้ พร้อมทั้งควรมีเงินสำรองระหว่างประเทศเพียงพอ ความยากจนต้องหมดไป เพราะการกระจายรายได้สำคัญมาก
โดยขณะนี้อัตราว่างงานไทยต่ำมากไม่เกิน 1% แต่กลับขาดแคลนแรงงาน เงินเฟ้อต่ำลงแต่หนี้สาธารณะเกินกว่า 60% ของ GDP ซึ่งอยู่ในจุดเสี่ยง จะทำอย่างไรให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศติดอันดับ 1 ใน 15 ของโลก ให้ GDP โต ควรลดการก่อหนี้ ใช้เงินให้คุ้มค่า ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ให้ทั่วถึง เกษตรกรเข้มแข็ง ท่องเที่ยวชุมชนเติบโต คนไม่ย้ายถิ่นจนเกิดปัญหา จึงขอฝากความหวังนโยบายว่าที่รัฐบาล อยากให้เข้ามาเร่งแก้ไขในเรื่องนี้
อ้างอิง:
- https://bhumjaithai.com/policy
- หอการค้าไทย
- สมาคมผู้ประกอบการและช่างพลังงานแสงอาทิตย์
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย