วันนี้ (30 เมษายน) สรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย อนุสรี ทับสุวรรณ คณะทำงานยุทธศาสตร์ด้านส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ, ชนม์ทิดา อัศวเหม ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ร่วมเปิดเวทีเสวนา นโยบายการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิทธิของคนพิการ
โดยมีผู้แทนสมาคมคนพิการทุกประเภทความพิการ และผู้แทนคนพิการในองค์กร สมาคม ชมรม สถาบันการศึกษา และมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เข้าร่วมเสวนาจำนวน 11 แห่ง เช่น สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย, สมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย, สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย, สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย, สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย), มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ, ภาคีเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ และโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ เข้าร่วม
สรอรรถกล่าวว่า การเสวนาครั้งนี้จะนำไปสู่การกำหนดนโยบายพรรค โดยองค์กรของผู้พิการสามารถนำเสนอรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ เพราะพรรคภูมิใจไทยเปิดกว้างรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ โดยทราบว่าพรรคจะเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการทันทีที่มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเห็นว่าเป็นประโยชน์ของผู้พิการ
ขณะที่อนุสรีกล่าวว่า วันนี้พรรคภูมิใจไทยได้จัดการเรื่องนโยบายส่งเสริมและพัฒนาชีวิตผู้พิการ พรรคภูมิใจไทยเห็นว่าการส่งเสริมคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เป็นเรื่องสำคัญ เพราะในประเทศไทยยังมีกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการเป็นจำนวนมากที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ
เวทีเสวนาวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังข้อเสนอ แนวคิด และสภาพปัญหาต่างๆ จากตัวแทนคนพิการจากองค์กรต่างๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์เป็นนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และให้เกิดสิทธิของคนพิการเป็นรูปธรรมที่ปฏิบัติได้จริง รวมทั้งผลักดันให้เป็นนโยบายสาธารณะสำหรับผู้พิการ โดยคำนึงและครอบคลุมในด้านการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี การเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่างๆ อย่างเท่าเทียมกัน
“การเสวนาครั้งนี้มีผลออกมาเป็นรูปธรรม เช่น เรื่องที่พรรคภูมิใจไทยจะดำเนินการเพิ่มอัตราการจ้างงานคนพิการในภาครัฐ 10,000 อัตรา และเสนอให้คนพิการสามารถกู้เงินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เป็นเงินกู้รายบุคคล 60,000 บาท และรายกลุ่ม 2,000,000 บาท” อนุสรี กล่าว
อนุสรีกล่าวต่ออีกว่า การเสวนาเปิดโอกาสให้ตัวแทนคนพิการของแต่ละองค์กรได้แสดงความคิดเห็นและเสนอนโยบายเพื่อคนพิการต่อภาคการเมือง รวมทั้งร่วมกันเสวนาด้านคุณภาพชีวิตของคนพิการ 6 ด้าน ได้แก่ ด้านการจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการ, ด้านการเข้าถึงสภาพแวดล้อมทางกายภาพ การขนส่งสาธารณะ และข้อมูลข่าวสาร, ด้านการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงิน, ด้านการเข้าถึงการศึกษาสำหรับคนพิการ, ด้านการจ้างงานสำหรับคนพิการ และด้านการละเมิดต่อคนพิการ
รวมทั้งรายงานผลจากแบบสอบถามประกอบการเสวนาในด้านระดับคุณภาพชีวิต และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีวิตของคนพิการในประเทศไทย ที่จะเป็นข้อมูลประกอบในการกำหนดนโยบายและนำเสนอเพื่อคนพิการต่อไป