Better Days หนังสะท้อนปัญหาวัยรุ่นจีนที่เกือบโดนแบน แต่สุดท้ายกวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ!

Better Days ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ คือภาพยนตร์สะท้อนปัญหาวัยรุ่นจีนที่ได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็น ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ เวอร์ชัน 2020

ภาพยนตร์เข้าฉายในจีนปลายเดือนตุลาคม ทำรายได้เปิดตัวมากกว่า 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,500 ล้านบาท) เอาชนะภาพยนตร์ฮอลลีวูดอย่าง Terminator: Dark Fate, Joker รวมทั้ง Maleficent: Mistress of Evil ทั้งตัวภาพยนตร์ยังได้เข้าฉายแบบจำกัดโรงในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และอังกฤษ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ทำรายได้ไปกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 61 ล้านบาท) เมื่อรวมรายได้ทั่วโลกตลอดการฉาย Better Days ทำเงินได้มากกว่า 222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6,797 ล้านบาท

ลำพังตัวเลขรายได้ที่น่าตื่นเต้นแล้ว คำวิจารณ์ก็เป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุน นอกเหนือจากเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์แทบทุกสำนัก เว็บไซต์ Rottentomatoes.com ยังเทคะแนนให้ท่วมท้นร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม!

ที่น่าสนใจอีกประเด็นคือ เนื้อหาที่อ่อนไหวของภาพยนตร์ทำให้เกือบโดนแบน ย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 เดิมที Better Days มีโปรแกรมจะเข้าฉายครั้งแรกที่งานเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน ครั้งที่ 69 แต่ถอนตัวก่อนวันฉายเพียงวันเดียวโดยไม่แจ้งสาเหตุ และเมื่อถึงกำหนดเข้าฉายในประเทศจีนเดือนมิถุนายน ปี 2019 ภาพยนตร์ก็ถูกถอดออกจากโปรแกรม 3 วัน ก่อนเข้าฉาย เว็บไซต์ Variety รายงานว่า เป็นเพราะภาพยนตร์ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากกองเซนเซอร์จีน เนื่องจากมีหลายฉากที่นำเสนอประเด็นอ่อนไหว เรื่องการกลั่นแกล้งในโรงเรียน การสอบแข่งขัน รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศ

ถ้าอย่างนั้น อะไรคือสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์ที่เกือบถูกแบบ กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ทำเงินแห่งปี 2019 ของประเทศจีน

“หลังสอบเกาเข่าเสร็จ พวกเราก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ แต่อย่างไรก็ดี สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สอนก็คือ จะเป็นผู้ใหญ่อย่างไร” – เฉินเหนียน

Better Days ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ ภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าชีวิตวัยรุ่น สร้างมาจากนิยายชื่อดังของจีนเรื่อง In His Youth, In Her Beauty โดยผู้เขียน จิ่วเยวี่ยซี เล่าเรื่องราวการถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน และความรักหนุ่มสาวที่เปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล

ภาพยนตร์เล่าย้อนไปในปี 2011 ช่วงการสอบเกาเข่า (Gaokao) ซึ่งเป็นการสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยที่มีนักเรียนราว 10 ล้านคน เข้าแข่งขัน เฉินเหนียน (โจวตงหยู) ก็เป็นเด็กสาวมัธยมปลายอีกคนที่เตรียมตัวสำหรับการสอบอย่างหนัก ในตอนนั้นเอง เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอฆ่าตัวตายเพราะถูกบูลลี่อย่างหนักในโรงเรียน หลังจากนั้น เฉินเหนียน กลับตกเป็นเป้าการกลั่นแกล้งของทุกคนแทน จนคืนหนึ่งระหว่างกลับบ้าน เฉินเหนียน ได้ช่วยชีวิต เสี่ยวเป่ย (อี้หยางเชียนสี่) ไว้โดยบังเอิญ ตั้งแต่นั้นมา เขาก็สัญญาที่จะปกป้องเธอตลอดไป ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

ด้วยความที่ตัวนักแสดงนำเป็นแกนหลักของเรื่อง จึงน่าสนใจมากทีเดียวที่เลือก อี้หยางเชียนสี่ หรือ แจ็คสัน ยี นักร้องชื่อดังวง TFBOYS มารับงานแสดง และเขาทำได้ดีมาก ทั้งการเปลี่ยนลุคให้ดูแข็งกร้าว รวมถึงการแสดงอารมณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อว่า นี่เป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรก

สวี่เยวี่ยเจิน ผู้อำนวยการผลิตให้สัมภาษณ์ว่า “เขาคงเป็นเด็กที่ผ่านความยากลำบากมามาก ตอนเข้าวงการใหม่ๆ ยังไม่มีแฟนคลับรู้ว่าเขาดีตรงไหน ที่จริงมีหลายคนโจมตีเขาเหมือนกันนะคะ ฉันเลยรู้สึกว่า เพราะเขาเข้าใจความโดดเดี่ยวตรงนั้น สายตาของเขาเลยมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง… เขารับรู้ความรู้สึก เข้าใจความเจ็บปวดของคนอื่น… เขาเป็นวัยรุ่นที่ดีที่สุดที่ฉันได้เจอในช่วง 2-3 ปีนี้เลย”

อี้หยางเชียนสี่ ในวัย 19 ปี มีผู้ติดตามในเว่ยป๋อมากกว่า 80 ล้านฟอลโลเวอร์ เป็น 1 ใน 3 ของสมาชิกวงไอดอล TFBOYS (The Fighting Boys) วงไชนีสป๊อปที่ก่อตั้งในปี 2013 และโด่งดังต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ การรับบท เสี่ยวเป่ย ในภาพยนตร์ Better Days ทำให้เขาได้รับรางวัลด้านการแสดงหลายเวทีสำคัญในประเทศจีน

โจวตงหยู นักแสดงสาววัย 27 ปี ที่เคยฝากผลงานอย่าง Us and Them (2018), Soul Mate (2016) มาแล้ว ครั้งนี้เป็นการกลับมาทำงานร่วมกับผู้กำกับและทีมสร้างภาพยนตร์ Soul Mate โดยใน Better Days โจวตงหยู รับบท เฉินเหยียน ซึ่งเป็นการแสดงที่ว่ากันว่าดีที่สุดของเธอ การันตีด้วยรางวัลนักแสดงนำหญิงมาแรงแห่งยุค จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติมาเก๊า ครั้งที่ 4

โจวตงหยู ให้สัมภาษณ์ว่า “การแสดงเรื่องนี้ยากมากๆ ฉันแทบไม่เข้าใจเฉินเหนียนได้เลย เพราะฉันคิดว่าเธออ่อนแอเกินไป อีกอย่างฉันเป็นคนอายุ 27 ที่ต้องเล่นเป็นเด็กสาววัย 17 นิสัยตัวละครก็ต่างจากฉันมากด้วยค่ะ แต่ฉันโชคดีมาก นี่เป็นอีกครั้งที่ได้ร่วมงานกับทีมงานเรื่อง Soul Mate พวกเขาพิเศษสำหรับฉันมากๆ เป็นเหมือนครอบครัวของฉันเลย”

ในภาพยนตร์ Better Days โจวตงหยู แทบไม่เหลือความเป็นตัวเอง เพราะเธอต้องเปลี่ยนตัวตนที่ร่าเริง กลายเป็นตัวละคร เฉินเหนียน ที่มีความซับซ้อนและแสนเศร้า ระหว่างถ่ายทำมีฉากที่ เฉินเหนียน และ เสี่ยวเป่ย ต้องโกนหัว เธอยอมทำตามด้วยความกังวลอยู่บ้าง แต่ปรากฏว่า ผู้กำกับและทีมงานก็ร่วมโกนหัวพร้อมกับนักแสดง สิ่งนี้ทำให้เห็นถึงความเป็นทีมเวิร์กที่ทำงานด้วยใจและรักในภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างที่สุด

สำหรับ ดีเร็ก เจิ้ง หรือ เจิ้งกัวจาง ผู้กำกับภาพยนตร์ Better Days ชาวฮ่องกงวัย 40 ปี เขาเป็นลูกชายของนักแสดง อีริก เจิ้ง แต่นั่นไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้เขาอยากทำงานเป็นผู้กำกับตั้งแต่แรก เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า สนใจงานภาพยนตร์ตอนอายุราว 15 ปี และเริ่มต้นด้วยการรับงานแสดงตั้งแต่ปี 2003 ก่อนจะก้าวเท้าสู่งานเบื้องหลัง งานกำกับของเขาเน้นที่ความรัก ความสัมพันธ์ของผู้คน โดยผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก Lover’s Discourse (2010) เขาเขียนบทและกำกับด้วยตัวเอง ส่วน Soul Mate (2016) ผลงานกำกับเรื่องที่สอง ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม และผู้กำกับหน้าใหม่จาก Hong Kong Film Awards ทั้งยังได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจาก China Film Director’s Guild Awards

ดีเร็ก เจิ้ง ไม่เหมือนกับผู้กำกับรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่มักทำภาพยนตร์ฉากหลังเป็นฮ่องกง เขามักจะทำงานในโลเคชันประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ โดยมองว่า การเติบโตของตลาดภาพยนตร์จีนเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ผู้กำกับฮ่องกงสามารถสร้างงานภาพยนตร์สเกลใหญ่ใช้ทุนสูงได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสสำหรับผู้กำกับหน้าใหม่ที่จะสร้างงานภาพยนตร์สเกลเล็กๆ ได้มากกว่าการทำงานอยู่ในฮ่องกงเพียงอย่างเดียว

Better Days ไม่ได้เป็นเพียงภาพยนตร์สะท้อนสังคมวัยรุ่นจีน แต่ยังเป็นความท้าทายในประเด็นการเซนเซอร์ของรัฐบาลจีน ท่ามกลางการเติบโตของอุตสาหกรรมบันเทิงจีน ความน่าสนใจคือ เมื่อมีครบทั้งในเรื่องคุณภาพ ความเป็นสากล ตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ และกลยุทธ์สตรีมมิงที่แข็งแกร่งแล้ว ในปีนี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์จากประเทศจีนจะสร้างปรากฏการณ์อะไรขึ้นบ้าง และปี 2020 จะเป็น Better Days ของวงการภาพยนตร์จีนหรือไม่

ตัวอย่างภาพยนตร์