หลังอายุ 25 ปี กลไกการฟื้นฟูซ่อมแซมผิวธรรมชาติของเราจะทำงานเสื่อมลง ยิ่งอายุมากขึ้น ระยะเวลาที่ร่างกายจะผลัดเซลล์ผิวยิ่งยาวนานขึ้น อาจจะกินเวลาถึง 30 วันในคนวัย 30 ขึ้นไป ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผิวไม่สามารถฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเองได้
ผิวเสื่อมสภาพ เกิดจากความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระเสื่อมลง ความสามารถในการต่อต้านอาการอักเสบเมื่อผิวถูกทำร้ายจากปัจจัยต่างๆ เสื่อมถอย ส่งผลให้ปราการผิวถูกทำร้ายซ้ำๆ รวมไปถึงกลไกการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เซลล์ผิวเก่าเริ่มผลัดตัวช้าลงหรือผลัดตัวได้ไม่ดี ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นต้นตอของสารพัดปัญหาผิว ตั้งแต่ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวหยาบกร้าน ไปจนถึงสิวอุดตันที่จะตามมา
นอกจากปัจจัยที่เลี่ยงไม่ได้อย่างอายุที่มากขึ้น พันธุกรรม หรือการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้กระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวทำงานได้ดีขึ้น แต่รู้หรือไม่ ปัจจัยด้านอายุและพันธุกรรมส่งผลต่อการเกิดสัญญาณแห่งวัยเพียงแค่ 20% เท่านั้น ยังมีปัจจัยภายนอกที่มีอิทธิพลและเป็นสาเหตุของการเกิดสัญญาณแห่งวัยอีกกว่า 80% ซึ่งเป็นตัวการหลักทำร้ายผิวเราทุกวันอย่าง รังสียูวี ฝุ่นควัน มลภาวะ ความเครียด ทั้งหมดนี้ล้วนก่อให้เกิด ‘ปัญหาผิวเสียสะสมลงลึกนานนับปี’ และนำไปสู่สัญญาณแห่งวัยตามมา
จุดเริ่มต้นของผิวที่อ่อนเยาว์
ทางออกของปัญหาทั้งหมดนี้คือ ต้องทำให้ผิวของสามารถฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเองได้ เพราะผิวที่ดูอ่อนเยาว์มี ‘จุดเริ่มต้น’ จากกลไกการฟื้นผิวตามธรรมชาติ
การพลิกฟื้นผิวที่เสียหายจากการถูกทำร้ายสะสม หรือ Skin Repair คือการใช้ประโยชน์ตามความสามารถตามธรรมชาติของกลไกการฟื้นฟูผิวทั้ง 4 ประการ ได้แก่ ต้านอาการอักเสบ (Anti-Inflammation), ต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxidative Stress), เสริมสร้างการทำงานของปราการผิว (Balancing and Strengthening Skin Barrier) และฟื้นการผลัดเซลล์ผิว (Epidermal Renewal Process)
ความมหัศจรรย์คือ เมื่อกลไกทั้งสี่ทำงานประสานกัน จะช่วยให้ผิวกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนเป็นการเปิด ‘สวิตช์แห่งการฟื้นผิว’ ให้กลับมาทำงานอีกครั้ง เมื่อผิวสามารถฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเองได้และสามารถปกป้องผิวจากปัจจัยร้ายที่นำไปสู่สัญญาณแห่งวัยได้ สุขภาพผิวก็จะดีขึ้น
เปิดห้องวิจัย Lancôme กว่า 27 ปีแห่งการค้นคว้า สู่การปฏิวัติศาสตร์แห่งการฟื้นฟูผิว
ถ้ายังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ Lancôme เป็นแบรนด์แรกที่ปฏิวัติวงการบำรุงผิวด้วยนวัตกรรม ‘Microbiome Science’ เป็นแบรนด์แรกที่พัฒนาเซรั่ม ‘Lancôme New Advanced Génifique’ ที่มี Microbiome: Pre & Probiotics 7 ชนิดออกมาสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2009 ภายในสถาบันวิจัย ‘L’Oréal Advanced Research’ เหล่านักวิทยาศาสตร์ไม่เคยหยุดค้นคว้าวิจัยเพื่อค้นหาความลับของการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติจนได้พบกับองค์ประกอบสำคัญในชีววิทยาการภายใต้ศาสตร์แห่งการฟื้นฟูผิวที่นำไปสู่สัญญาณแห่งวัยที่เรียกว่า ‘Nrf2’
คำถามคือ Nrf2 คืออะไร ทำไมถึงช่วยป้องกันและฟื้นผิวที่เสียหายสะสมนานนับปีได้ Nuclear Factor Erythroid 2-Related Factor 2 (Nrf2) หรือที่เรียกว่า ‘สวิตช์แห่งการฟื้นผิว’ (The Repair Switch) คือโปรตีนที่มีประสิทธิภาพซึ่งอยู่ภายในแต่ละเซลล์ในร่างกาย ทำหน้าที่กระตุ้นกลไกการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติของทั้ง 4 กลไกให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทว่า ‘Nrf2’ จะไม่สามารถเคลื่อนย้ายหรือทำงานได้จนกว่าจะมีตัวกระตุ้น
ตลอดระยะเวลา 27 ปีที่ Lancôme ได้ค้นคว้าวิจัยจนพบนวัตกรรมใหม่ภายใต้ศาสตร์แห่งการฟื้นฟูผิว (Repair Science) ที่กระตุ้นการทำงานของ Nrf2 ช่วยพลิกฟื้นสัญญาณผิวเสียสะสมนานนับปีที่นำไปสู่สัญญาณแห่งวัย ผ่านสารสกัดที่ทรงประสิทธิภาพใหม่ล่าสุด ‘Beta-Glucan บริสุทธิ์ 98%’
ถอดรหัส ‘Beta-Glucan บริสุทธิ์ 98%’ สารสกัดแห่งอนาคตเพื่อการฟื้นฟูผิว
แม้ชื่ออาจจะไม่คุ้นหูนักในวงการความงาม แต่ในวงการแพทย์ ‘Beta-Glucan’ เป็นสารสกัดดาวเด่นที่ใช้กันมานาน เพราะมีประสิทธิภาพในการรักษาแผล สมานแผล (Accelerate Wound Healing) และช่วยฟื้นฟูผิวที่ได้รับความเสียหายให้ฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการทดลองในห้องวิจัยพบว่า แผลที่เสียหายและถูกฟื้นฟูด้วย Beta-Glucan สามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและดูดีขึ้นใน 3วัน เมื่อเทียบกับผิวหนังที่เสียหายแต่ไม่ได้รับการฟื้นบำรุง
ด้วยแรงบันดาลใจจากการศึกษาวิจัยด้านชีวเคมีเทคโนโลยีในการทำแผล ‘Beta-Glucan’ จึงเป็นสุดยอดสารแอ็กทีฟที่ถูกเลือกให้เป็นนวัตกรรมสารสกัดแห่งอนาคตเพื่อการฟื้นผิวใน ‘Génifique Ultimate Repair Serum’ เซรั่มสูตรใหม่ล่าสุดจาก Lancôme
ประกอบไปด้วย Beta-Glucan สูตรบริสุทธิ์ 98% ที่มีปริมาณมากถึง 90 ล้านล้านหน่วยในแต่ละดรอปเปอร์ สกัดจากผนังเซลล์ของยีสต์ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพตามแบบฉบับเฉพาะของ Lancôme ด้วยโครงสร้างชีวภาพแบบพิเศษที่เป็นแบบเข้มข้นและบริสุทธิ์ทำให้ผิวสามารถจดจำได้ซึ่งคล้ายกับที่มีอยู่ในผิวหนังมนุษย์ จึงสามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น และสามารถกระตุ้นกลไกฟื้นผิวตามธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Lancôme ถือว่าเป็นแบรนด์แรกที่เลือกใช้ Beta-Glucan ที่มีความบริสุทธิ์ถึง 98% เพื่อมอบขีดสุดแห่งการฟื้นฟูผิวและจัดการสัญญาณแห่งวัยตั้งแต่จุดกำเนิด
นี่คือสูตรลับแห่งความสมบูรณ์แบบเพื่อพลิกฟื้นสัญญาณผิวเสียสะสมนานนับปีที่อยู่ใน ‘Génifique Ultimate Repair Serum’ ยังประกอบไปด้วย ‘พรีไบโอติกและโพรไบโอติกทั้งหมด 7 ชนิด (Pre & Probiotics)’ สูตรเฉพาะของ Génifique ซึ่งการทำงานร่วมกันของพรีไบโอติก แหล่งสารอาหารสำคัญของไมโครไบโอมบนผิว และโพรไบโอติก จะช่วยเสริมสร้างปราการปกป้องผิว กระตุ้นกลไกป้องกันผิว และทำให้ผิวรู้สึกกระชับและชุ่มชื้น
ผสานประสิทธิภาพของ ‘ไฮยาลูรอนิกแอซิด ขนาด 900 kDa (900 kDa Hyaluronic Acid) ที่ได้จากการหมักแบคทีเรียและแลคโตบาซิลลัสผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ โดย Lancôme เลือกใช้ไฮยาลูรอนิกแอซิดที่เป็นโมเลกุลใหญ่ จึงกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ ดูเรียบเนียนอย่างเห็นได้ชัด
พร้อมด้วย ‘สารสกัดบริสุทธิ์จากชะเอมเทศ’ (Pure Licorice Extract) ช่วยลดอาการระคายเคือง ต้านสารอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ จึงมอบความสงบและผ่อนคลายแก่ผิวได้
‘Génifique Ultimate Repair Serum’ ได้รับการพิสูจน์ทั้งในการศึกษาทางคลินิกและการทดสอบแบบประเมินตนเอง ว่าเป็นผลิตภัณฑ์มีส่วนช่วยในการกระตุ้นกลไกซ่อมแซมผิวทั้ง 4 ประการ เสมือนเป็นการช่วยเปิด ‘สวิตช์แห่งการฟื้นผิว’ ให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น เพิ่มประสิทธิภาพการผลัดเซลล์ผิวเพื่อการฟื้นฟูผิวที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มความเรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอยเส้นเล็ก ฟื้นผิวจากอาการระคายเคือง ควบคุมการอักเสบของผิว ลดการอักเสบและรอยแดง ฟื้นความสามารถในการรับมือและต่อสู้อนุมูลอิสระ ลดภาวะความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative Stress) ในผิวหนัง เพื่อผิวที่แข็งแรงขึ้น ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้นและฟื้นบำรุงความสมดุลและแข็งแรงของปราการผิว มอบขีดสุดแห่งประสิทธิภาพการในการฟื้นฟูผิวที่ดูดีขึ้นทั้ง 4 มิติ ผิวชุ่มชื้นขึ้น ผิวได้รับการปลอบประโลม ผิวดูเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนเล็กลง และริ้วรอยดูลดเลือนลงจนสัมผัสได้ใน 1 สัปดาห์
ต้องไม่ลืมด้วยว่า การฟื้นบำรุงผิวยามค่ำคืนอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะอย่างที่บอกไป ปัจจัยทำร้ายผิวส่วนใหญ่กว่า 80% เกิดขึ้นช่วงเวลากลางวันโดยที่ยากจะหลีกเลี่ยง ดังนั้นการฟื้นบำรุงผิวตลอดทั้งวันยังช่วยปกป้องและลดความรุนแรงจากปัจจัยร้ายที่ส่งผลต่อผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า
สูตรใหม่นี้นอกจากโดดเด่นในเรื่องของการมอบขีดสุดแห่งการฟื้นฟูซ่อมแซมผิว พร้อมจัดการสัญญาณแห่งวัยแล้ว ยังมาพร้อมกับสูตรที่เข้มข้นขึ้น ชุ่มชื้นขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ในเรื่องการซึมซาบสู่ผิวได้ง่าย มอบความสดชื่นสบายผิวของ ‘Génifique Ultimate Repair Serum’ ทำให้สามารถใช้ได้ทั้งช่วงเช้าและเย็น ช่วยปลอบประโลมผิวทันทีที่ใช้ เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ทั้งนี้ยังผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถใช้เพื่อการฟื้นบำรุงเข้มข้นสำหรับผิวหลังการทำหัตถการที่มีความอ่อนแอเพื่อมอบการฟื้นฟูและปลอบประโลมอย่างเร่งด่วน สูตรใหม่นี้ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำมันแร่ และการแต่งสี
นอกจาก ‘Génifique Ultimate Repair Serum’ จะดีต่อผิวแล้ว Lancôme ยังไม่ลืมสร้างสิ่งดีๆ ให้กับโลกด้วยระบบการผลิตภายใต้ ‘Green Science’ ที่ใช้พลังงานที่พอเหมาะ และสามารถลดการเกิดของเสียจากระบบ ซึ่งเป็นไปตามหลักการแห่งความยั่งยืนเพื่อโลกอนาคตอีกด้วย
พิสูจน์นวัตกรรมขีดสุดแห่งการฟื้นฟูซ่อมแซมผิว พร้อมจัดการสัญญาณแห่งวัยตั้งแต่จุดกำเนิดด้วย ‘Génifique Ultimate Repair Serum’ ได้แล้ววันนี้