วันนี้ (30 ตุลาคม) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก ข้อหาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กับ เบนจา อะปัญ นักศึกษาและหนึ่งในผู้นำของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จากกรณีปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ที่หน้าบริษัทซิโน-ไทยฯ ในระหว่างกิจกรรม ‘คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช’ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564
โดยศาลชี้ว่าจำเลยปราศรัยกล่าวถึงสถาบันฯ โดยตรง ชัดว่าเป็นการหมิ่นประมาทล่วงเกิน การเบิกความของจำเลยไม่ได้ทำให้เห็นว่ามีเจตนากล่าววิพากษ์วิจารณ์ถึงรัฐบาลอย่างไร จึงพิพากษาผิด ม.112 จำคุก 3 ปี ส่วนข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำคุก 1 ปี และปรับ 12,000 บาท แต่ศาลให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง เพราะจำเลยให้การเป็นประโยชน์ เหลือจำคุกรวมทั้งสิ้น 2 ปี 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท
ศาลเห็นว่าจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และยังอยู่ระหว่างศึกษาระดับปริญญาตรี และขณะกระทำผิดมีอายุเพียง 21 ปีเศษ ถือเป็นการกระทำผิดโดยขาดวุฒิภาวะ อยู่ในวิสัยที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีได้ โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
มีรายงานว่าคดีนี้มี จักรพงศ์ กลิ่นแก้ว, มะลิวัลย์ หวาดน้อย และ ปิยกุล วงษ์สิงห์ สมาชิกกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เป็นผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทองหล่อ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2564 โดยกล่าวหาจากเนื้อหาคำปราศรัยและเนื้อหาในแถลงการณ์ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 2 เรื่อง ประกาศเป้าหมาย ‘นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา’ และการเมืองหลังระบบประยุทธ์
อ้างอิง:
- ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน