ภาพยนตร์เรื่อง Justice League ที่ออกฉายเมื่อปี 2017 ยังคงสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ อาณาจักร DC ทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวด้านลบเกี่ยวกับประเด็นเบื้องหลังในการถ่ายทำมากมาย โดยเฉพาะเมื่อผู้กำกับอย่าง Zack Snyder ตัดสินใจถอนตัวกลางคันหลังจากที่ลูกสาวของเขาฆ่าตัวตาย ส่งผลให้ Joss Whedon ต้องมารับไม้ต่อ โดยล่าสุด Ben Affleck นักแสดงวัย 49 ปี ก็ได้ออกมาเผยความรู้สึกเมื่อครั้งที่เขาและทีมงานนักแสดงถ่ายทำภาพยนตร์ดังกล่าว โดยนิยามว่ามันเป็น ‘ประสบการณ์ยอดแย่’ ของเขาเลยทีเดียว
Ben Affleck พูดคุยถึงประสบการณ์การถ่ายทำ Justice League กับทาง Los Angeles Times ว่า “มันเป็นประสบการณ์ยอดแย่ เพราะสิ่งต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาในตอนนั้น ทั้งชีวิตส่วนตัวของผม การหย่าร้างทำให้ผมหายหน้าเยอะเกินไป การแข่งขันที่เกิดขึ้นในการประชุม และจากนั้นก็มีโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับครอบครัวผู้กำกับ Zack Snyder (Autumn ลูกสาวของเขาตัดสินใจฆ่าตัวตายในปี 2017) แล้วก็มีการถ่ายทำใหม่อีก มันเป็นประสบการณ์ที่แย่ที่สุดเลย มันแย่มาก ผมไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับมันเลย มันพาผมมาถึงจุดที่ต้องพูดออกไปว่า “ฉันจะไม่ทำสิ่งนี้ต่อไปแล้ว””
Ben Affleck เคยเผยถึงเหตุผลในการตัดสินใจรับบท Batman ว่าเขาทำเพื่อให้ลูกๆ ของตัวเองได้เห็นพ่อในฐานะซูเปอร์ฮีโร่เท่านั้น และล่าสุดเขาก็คอนเฟิร์มแล้วว่าเขาจะปรากฏตัวในฐานะ Batman ใน The Flash ที่จะออกฉายในเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นครั้งสุดท้าย โดยตอนนี้คนทั่วโลกก็กำลังรอจับตามอง Robert Pattinson ผู้ที่มาแสดงเป็น Batman คนล่าสุดภายใต้การกำกับของ Matt Reeves
ภาพ: Warner Bros.
อ้างอิง: