แม้เศรษฐกิจไม่ดี-กำลังซื้อซบ แต่คนไทยไม่หยุดสวย สะท้อนจากตลาดสินค้าความงามในประเทศไทยมูลค่า 2.5 แสนล้านบาท เติบโต 11.6% โดยเฉพาะสกินแคร์ เครื่องสำอาง และกลุ่มอาหารเสริม
“แต่ในทางกลับกัน สินค้าที่เติบโตน้อยลงคือกลุ่มน้ำหอม หรือแม้แต่ผู้ผลิตสินค้าความงามยังโดนดิสรัปต์จากสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามา ซึ่งอาจเป็นเพราะมาตรการภาษี หากนำเข้าสินค้าราคาไม่ถึง 1,500 บาทไม่ต้องจ่ายภาษี ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กๆ นำเข้ามาจำหน่ายในช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างรุนแรง จนทำให้สินค้าอย่างน้ำหอม ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ปกติแล้วตลาดนี้จะเติบโตขึ้นทุกๆ ปี ได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน” เกศมณี เลิศกิจจา นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย กล่าว
หากเจาะลึกถึงตลาดนำเข้าสินค้าความงามที่มีมูลค่า 31,380 ล้านบาท ลดลง 14% ส่วนตลาดส่งออกมีมูลค่า 86,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% โดยแบ่งเป็นสินค้ากลุ่มพรีเมียมเพิ่มขึ้น 6% และตลาดทั่วไปเพิ่มขึ้น 11.55% ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มสกินแคร์ 41.78%, กลุ่มบำรุงผม 15.20% และกลุ่มทางช่องปาก 11.41%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- OR รุกตลาดสุขภาพเต็มสูบ โดดจับมือ Konvy นำสินค้าสุขภาพ-ความงามเข้าวางขายในร้านที่เตรียมเปิดในปั๊มนำ้มันกลางปีนี้
- EXCLUSIVE: เพราะความสวย…รอไม่ได้ ธุรกิจ ‘ศัลยกรรมความงาม’ โตต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่เอเจนซีบินไปถึงเกาหลีที่คนไทยยอมจ่าย แม้ราคาจะสูงกว่า 2 เท่า
- ‘ศรีจันทร์’ ก้าวข้ามเครื่องสำอางสู่อุตสาหกรรมสุขภาพ ประเดิมเปิดตัวด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับนักกีฬาและผู้สูงอายุ
สำหรับเทรนด์ตลาดความงามและ Personal Care ในปี 2567 จะมีทั้งหมด 3 เทรนด์ ได้แก่ ความเรียบง่ายที่ซับซ้อน เช่น มีส่วนผสมที่ได้รับการวิจัยจากวิทยาศาสตร์อย่างเทคโนโลยีชีวภาพ โมเลกุลขนาดเล็ก ตามด้วย Neuroglow เช่น ความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมจากภายในสู่ภายนอก และ Beauty Al (ปัญญาประดิษฐ์) โดยผู้ประกอบการจะต้องนำเทคนิคดังกล่าวเข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับการเติบโต
เกศมณีกล่าวว่า ปัจจุบันแม้ภาวะเศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อจะชะลอตัวลง แต่ประเทศไทยยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกที่แข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน และคาดว่าในปีนี้สินค้าเครื่องสำอางและความงามจะเติบโตมากขึ้น เพราะคนเราต้องการดูดีในชีวิตประจำวัน
ท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย จึงเตรียมจัดงานแสดงสินค้าความงาม Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 ในระหว่างวันที่ 13-15 มิถุนายน 2567
เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทั้งคนไทยและต่างชาติมาร่วมนำเสนอนวัตกรรมความงาม ควบคู่กับแลกเปลี่ยนธุรกิจความงามด้วยเทรนด์ใหม่ๆ โดยตั้งเป้าหมายมีผู้ร่วมงานแสดงสินค้ากว่า 14,000 คน จากออสเตรเลีย, จีน, ฝรั่งเศส, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี, มาเลเซีย, โปรตุเกส และไต้หวัน
ทั้งนี้ “เชื่อว่างานดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมความงามเพิ่มขีดการแข่งขันในตลาดที่กำลังร้อนระอุได้แน่นอน” นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทยย้ำ