วันนี้ (1 กุมภาพันธ์) พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณี บีม-ศรัณยู ประชากริช ดารา นักแสดง และพิธีกร เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ใบกระท่อม และขับรถหวาดเสียวอันก่อให้เกิดอันตรายต่อทรัพย์สินและชีวิตของผู้อื่น โดยระบุว่า ในเรื่องดังกล่าวนี้ท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้ความสำคัญ และสั่งการให้กองบังคับการตำรวจจราจร และสถานีตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทำการตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ทราบ ว่ากรณีดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำในพื้นที่ใด และเป็นความผิดใดบ้าง เพื่อที่จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม การที่มีผู้คนให้ความสงสัยและมีการพิจารณาในโลกโซเชียล ว่ากรณีดังกล่าวเป็นฐานความผิดใดบ้าง พล.ต.ต. จิรสันต์กล่าวว่า เบื้องต้นในกรณีของใบกระท่อม ตอนนี้ใบกระท่อมไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติด ฉะนั้นการเสพใบกระท่อมหรือการครอบครองใบกระท่อมนั้นก็ถือว่าไม่เป็นความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด
ประการต่อมาคือการขับขี่ยานพาหนะในลักษณะดังกล่าว เบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพในคลิปที่ปรากฏบนโซเชียล เข้าข่ายความผิด 3 ข้อหาคือ
- ขับรถโดยประมาทน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น
- ความผิดการใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ
- ขับรถไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายหรือสัญญาณจราจรที่ปรากฏบนทาง
ส่วนในกรณีของการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ต้องมีการตรวจสอบ รถยนต์คันดังกล่าว เป็นรถที่มีการจดทะเบียนก่อนปี 2537 หรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นรถที่จดทะเบียนหลังปี 2537 ก็จะเป็นกรณีของการขับรถโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ก็ถือเป็นข้อหาส่วนหนึ่งด้วย
“ส่วนรถที่นำมาใช้ถ้าเป็นรถที่ไม่ได้ผ่านการเสียภาษี หรือไม่ได้จดทะเบียน ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งถ้าหากเป็นรถที่ไม่ได้จดทะเบียนและเอามาใช้ในทางถนน จะเข้าข่ายความผิดเป็นการนำรถที่ไม่ได้เสียภาษีมาใช้ในทางอีกส่วนหนึ่ง” พล.ต.ต. จิรสันต์กล่าว
พล.ต.ต. จิรสันต์กล่าวต่อไปว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในพื้นที่ที่ปรากฏในคลิป คาดการณ์ว่าอยู่บริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งอยู่ในเขตรับผิดชอบรอยต่อระหว่างสถานีตำรวจนครบาล (สน.) บางพลัด และ สน.บางยี่ขัน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเหตุเกิดขึ้นตอนไหน และจะมีการตรวจสอบอีกครั้งว่า มีความผิดข้อหาใดบ้าง ซึ่งหากมีการพิสูจน์ทราบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการเชิญตัวศรัณยูมาเพื่อสอบปากคำ และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภาพ: BeamSaranyoo / Facebook