เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 473 ล้านบาท ลดลง 73%YoY และ 81%QoQ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะขาดทุนสต๊อก และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงกว่าคาด กำไรที่ลดลงมีสาเหตุมาจากขาดทุนสินค้าคงเหลือจำนวน 3.8 พันล้านบาท
ค่าการตลาดที่อ่อนแอลง แม้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 24%YoY และ QoQ) สู่ระดับที่ทำสถิติสูงสุด แต่กำไรจากธุรกิจการตลาดลดลง 53%YoY และ 41%QoQ เพราะค่าการตลาดลดลงสู่ 0.81 บาทต่อลิตรใน 4Q65 โดยมีสาเหตุมาจากการตรึงราคาน้ำมันดีเซล และผลกระทบจากขาดทุนสินค้าคงเหลือ
และกำไรจากธุรกิจ E&P ที่ลดลง 38%QoQ ใน 4Q65 โดยมีสาเหตุมาจากราคาก๊าซที่ลดลง (ลดลง 42%QoQ) และปริมาณการขายก็ลดลง 5%QoQ เพราะฤดูหนาวของยุโรปมาช้ากว่าปกติ นอกจากนี้ OKEA ยังบันทึกขาดทุนจากด้อยค่าของสินทรัพย์จำนวน 1.8 พันล้านบาท จากการปรับปรุงปริมาณสำรองปิโตรเลียมของหลุม Yme ด้วย EBITDA จากธุรกิจ E&P ยังอยู่ในระดับสูงที่ 54% ใน 4Q65 และ 39% ในปี 2565
ส่วนกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติใน 4Q65 ลดลง 16%QoQ แต่ยังคงปรับตัวดีขึ้น 285%YoY สู่ 2.3 พันล้านบาท สำหรับกำไรสุทธิปี 2565 เติบโต 65% เนื่องจากกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้นมากถึง 678% โดยได้รับการสนับสนุนจากค่าการกลั่นพื้นฐาน (ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 11.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 3Q65 สู่ 14.68 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 4Q65) และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจ E&P ที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ BCP ยังประกาศจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายของปี 2565 ในอัตรา 1 บาทต่อหุ้น โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ที่ 3 มีนาคม 2566
กระทบอย่างไร:
วันนี้ราคาหุ้น BCP ปรับเพิ่มขึ้น 1.45%DoD สู่ระดับ 35.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.13%DoD อยู่ที่ระดับ 1655.57 จุด (ณ 12.30 น.)
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566 และกลยุทธ์การลงทุน:
InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติของ BCP จะลดลงในปี 2566 เนื่องจาก Market GRM จะกลับคืนสู่ระดับปกติ หลังจากพุ่งสูงขึ้นในปี 2565 โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2Q65 GRM น่าจะยังแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต และโรงกลั่นน้ำมันจะเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต
นอกจากนี้ยังคาดการณ์ถึงผลกระทบที่ลดน้อยลงจากขาดทุนสินค้าคงเหลือ และธุรกิจการตลาดน่าจะค่อยๆ กลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากแรงกดดันจากราคาน้ำมันจะผ่อนคลายลง ที่สำคัญคือธุรกิจ E&P จะยังคงสร้างกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากปริมาณการขายที่สูงขึ้น แม้ว่าราคาขายจะลดลง YoY
อย่างไรก็ดี ในปี 2566 คาดว่ากำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากผลกระทบจากขาดทุนสินค้าคงเหลือและสัญญาประกันความเสี่ยงจะลดลง แต่กำไรปกติจะลดลง เนื่องจากค่าการกลั่นจะกลับสู่ระดับปกติ โดยให้กลยุทธ์การลงทุนสำหรับ BCP ที่เรตติ้ง Outperform ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 44 บาทต่อหุ้น อ้างอิงวิธี SOTP
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและ GRM ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจส่งผลทำให้ขาดทุนสต๊อกเพิ่มขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรัฐบาลเข้าแทรกแซงเพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- 9 หุ้นสุดฮอต ค่า P/E Ratio สูงทะลุ 500 เท่า
- เช็ก! 10 หุ้น SETHD จ่ายเงินปันผลสูง