เกิดอะไรขึ้น:
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BCH ปรับตัวลดลง 12% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน Underperform SETHELTH ที่ลดลง 1% และ SET ที่ลดลง 2% ค่อนข้างมาก ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากความกังวลเกี่ยวกับรายได้ที่ลดลงจากผู้ป่วยชาวคูเวต (4% ของรายได้) ซึ่งลดลง 49%YoY ใน 1Q67 โดยมีสาเหตุมาจากผู้ป่วยชาวคูเวตที่หลักๆ ใช้เงินค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายจากรัฐบาลคูเวต ได้ชะลอการเดินทางเข้ามารับการรักษาในประเทศไทย
เนื่องจากรัฐบาลคูเวตกำลังประเมินและรวบรวมรายชื่อโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพการดูแลรักษาและการจัดการงบประมาณด้านสุขภาพของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ช่วงเวลาในการประกาศรายชื่อโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองนั้นยังไม่มีความแน่นอน (โรงพยาบาลบางแห่งคาดว่าจะประกาศใน 2Q67-3Q67) BCH คาดว่าโรงพยาบาลของบริษัทจะอยู่ในรายชื่อที่ผ่านการคัดเลือกเมื่อพิจารณาจากการดูแลรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะการรักษาแผลที่เท้าของผู้ป่วยโรคเบาหวาน และความโปร่งใสในการให้บริการ
การวิเคราะห์ความอ่อนไหวโดยใช้สมมติฐานว่า BCH จะไม่มีรายได้จากผู้ป่วยชาวคูเวตเลย บ่งชี้ว่ากำไรจะมี Downside 7% ต่อปี ซึ่งจะส่งผลทำให้ราคาเป้าหมายปรับลดลง 2 บาทต่อหุ้น หรือลดลง 8% จากราคาเป้าหมายปัจจุบัน ซึ่งบ่งชี้ว่าในปัจจุบันตลาดมองภาพ BCH ในกรณีเลวร้ายที่สุดและประเด็นลบดังกล่าวสะท้อนในราคาหุ้นไปมากพอสมควรแล้ว
สำหรับกำไร 2Q67 มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับทรงตัว หรือลดลงเล็กน้อย QoQ (แต่จะเติบโตต่อเนื่อง YoY) อ่อนแอเล็กน้อยกว่าที่ได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ (ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ) โดยมีสาเหตุมาจากผลการดำเนินงานเดือนเมษายนที่อ่อนแอจากวันหยุดยาว
อย่างไรก็ดี ยังคงมุมมองว่าการดำเนินงานและผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนใน 2H67 (เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ HoH) โดยได้รับแรงหนุนจาก
- การปรับปรุงโรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2567) แล้วเสร็จ
- การเปิดศูนย์มะเร็งรังสีรักษา เกษมราษฎร์อารี (3Q67 โดย BCH ถือหุ้น 51%) ซึ่งในช่วงแรกจะให้บริการผู้ป่วยภายใต้โครงการประกันสังคม (SC) ที่ปัจจุบันส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ แต่ยังมีศักยภาพในการให้บริการผู้ป่วยได้มากขึ้น
- การเพิ่มบริการใหม่: บริการทันตกรรมเคลื่อนที่ (3Q67 โดย BCH ถือหุ้น 60%) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการให้บริการเชิงรุก ตอบสนองความต้องการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นจากผู้ป่วยภายใต้ระบบ SC, หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UC) และกลุ่มลูกค้าคู่สัญญา (Corporate Contract)
- การดำเนินงานที่ดีของโรงพยาบาลใหม่ 3 แห่ง: โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อรัญประเทศ, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ โดยโรงพยาบาล 3 แห่งนี้มีผลขาดทุนราว ~290 ล้านบาท หรือคิดเป็น ~19% ของกำไรปกติปี 2566 ของ BCH
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BCH ปรับลง 5.97% สู่ระดับ 18.90 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 1.63% สู่ระดับ 1,345.66 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
InnovestX Research มองว่าราคาหุ้น BCH ปรับตัวลดลงมากเกินไป และเชื่อว่าราคาหุ้นที่ลดลงเปิดโอกาสให้เข้าซื้อสะสมหุ้น BCH เนื่องจากกำไรยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หุ้น BCH ซื้อขายที่ PE ปี 2567 ระดับ 26 เท่า หรือ 28 เท่าเมื่ออิงกับกรณีเลวร้ายที่สุดที่ไม่มีรายได้จากผู้ป่วยชาวคูเวตเข้ามา ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ -1SD ตั้งแต่ปี 2558 โดยคงแนะนำ Outperform สำหรับ BCH โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 25 บาทต่อหุ้น (WACC ที่ 7% และการเติบโตระยะยาวที่ 3%)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือการปรับอัตราการเบิกจ่ายสำหรับโครงการประกันสังคม จำนวนผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการชะลอตัวลง และภาระต้นทุนที่โรงพยาบาลใหม่ ส่วนปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG คือความปลอดภัยของผู้ป่วย (S) ซึ่ง BCH ได้นำเอาระบบบริหารคุณภาพต่างๆ มาใช้สำหรับกระบวนการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง