เกิดอะไรขึ้น:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BCH ปรับตัวลดลงมาแล้ว 19% แย่กว่า SET ที่ลดลง 2% และ SETHELTH ที่ลดลง 5% เพราะผลประกอบการ 1Q66 แย่กว่าคาด ซึ่งส่งผลทำให้ตลาดมีการปรับประมาณการกำไรลง โดยมองว่าปัจจัยลบสะท้อนในราคาหุ้นมากพอสมควรแล้ว
เนื่องจากปัจจุบันหุ้น BCH เทรดที่ PE ปี 2566 ระดับ 32 เท่า ซึ่งเท่ากับระดับ -2 SD ของ PE เฉลี่ยในอดีตของบริษัท (ปี 2558-2562 ที่เป็นช่วงปกติไม่มีผลกระทบจากการให้บริการโควิด) และ Valuation จะปรับลดลงสู่ PE ปี 2567 ระดับ 26 เท่า ซึ่ง Valuation ที่อยู่ระดับต่ำจะช่วยป้องกัน Downside ของราคาหุ้น และมองว่าเป็นโอกาสให้เข้าซื้อสะสมหุ้น BCH เพื่อแนวโน้มกำไรที่จะปรับตัวดีขึ้นใน 2H66 และปี 2567
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BCH ปรับลดลง 18.89%MoM อยู่ที่ 17.60 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 1.87%MoM อยู่ที่ระดับ 1,529.24 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
ใน 2H66 คาดการดำเนินงานดีขึ้น โดยคาดการณ์รายได้ปี 2566 ที่ 1.16 หมื่นล้านบาท ซึ่งยึดหลักความระมัดระวังมากกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 1.3 หมื่นล้านบาท และคาดว่าการดำเนินงานที่ไม่เกี่ยวกับโควิดจะปรับตัวดีขึ้นใน 2H66 โดยได้รับการสนับสนุนจากการเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพิ่ม (เช่น เวชศาสตร์ฟื้นฟูและศัลยกรรมพลาสติก) การอัปเกรดโรงพยาบาลเดิม และการปรับปรุงบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติ
BCH คาดว่ารายได้จากบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นสู่ 2.0 พันล้านบาท ในปี 2566 (เพิ่มขึ้น 31%YoY) หลังจากบริษัทเซ็นสัญญากับสถานทูตลิเบียและซาอุดีอาระเบีย เพื่อส่งต่อผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลของบริษัท และบริษัทกำลังพัฒนาตลาดจีน โดยร่วมมือกับเอเจนซีของจีนและ LaVida IVF Center เพื่อส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) และการมีบุตรยาก (IVF Treatment) ซึ่งคาดว่าจะเห็นพัฒนาการมากขึ้นใน 3Q66
สำหรับโครงการประกันสังคม (SC 33% ของรายได้) นอกเหนือจากประโยชน์ที่ได้รับทั่วทั้งอุตสาหกรรมจากการปรับเพิ่มอัตราค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมที่มีผลในเดือนพฤษภาคมแล้ว ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นของ BCH (เพิ่มขึ้น 8%YoY ใน 1Q66) และรายได้ต่อผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 5%YoY ใน 1Q66) ด้วย
สำหรับ 2Q66 คาดว่ากำไรปกติจะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ เนื่องจากผลกระทบจากช่วง Low Season จะได้รับการชดเชยจากการปรับอัตราค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้น ซึ่งยังคงมุมมองที่ว่ากำไรปกติของ BCH จะปรับตัวดีขึ้นใน 2H66 (เพิ่มขึ้น HoH) และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยจะเริ่มเห็นการเติบโต YoY ใน 4Q66 ด้วยแรงหนุนบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิดที่เติบโตเพิ่มขึ้น และคาดการณ์กำไรปกติของ BCH ที่ 1.4 พันล้านบาท ในปี 2566 (ลดลง 66%YoY) และ 1.7 พันล้านบาท ในปี 2567 (เพิ่มขึ้น 20%YoY)
ทั้งนี้ InnovestX Research ปรับคำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือน สำหรับ BCH ขึ้นสู่ OUTPERFORM (จาก NEUTRAL) โดยคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ไว้ที่ 22 บาทต่อหุ้น (WACC ที่ 6.2% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 3%) คิดเป็น PE ปี 2566 ได้ที่ 40 เท่า (ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีต) และ PE ปี 2567 ได้ที่ 33 เท่า
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การเกิดโรคระบาดใหญ่ที่จะส่งผลกระทบทำให้ผู้ป่วยชะลอการเข้าใช้บริการ การแข่งขันรุนแรง การขาดแคลนบุคลากร และความเสี่ยงด้านกฎหมาย