หลังจากให้เวลาแก่นักสำรวจและนักโบราณคดีเข้าจัดการพื้นที่มายาวนานกว่า 8 ปี วันนี้ Basilica Therma สระน้ำโรมันโบราณในประเทศตุรกี ที่เคลมตัวเองว่า เป็นสระน้ำโรมันเก่าแก่ที่สุดในโลก กำลังจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ให้คุณได้ลงเริงร่าในสระน้ำที่มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ และสถาปัตยกรรมโรมันโบราณที่สวยงามจับจิต – เตรียมชุดว่ายน้ำสวยๆ แพ็กลงกระเป๋าได้เลย!
สระน้ำสองสหัสวรรษ
Basilica Therma คือพื้นที่ของโรงอาบน้ำโรมันขนาดใหญ่ ณ เมืองซาการ์ยา ในยอซกัต ประเทศตุรกี ซึ่งมีการเริ่มขุดค้นทางโบราณคดีมายาวนานตั้งแต่ปี 2010 และเป็นเวลากว่า 8 ปี ที่นักโบราณคดีใช้เวลาศึกษาข้อมูล ขุดค้น ตกแต่งสถานที่ดังกล่าวให้มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด อย่างที่มันคงเหลืออยู่ โดยโรงอาบน้ำนี้มีขนาดพอๆ กับขนาดของสระน้ำไซส์โอลิมปิก หรือประมาณ 300 ตารางเมตร มีความลึกที่ 1.34 เมตร และมีอุณหภูมิของน้ำที่ประมาณ 45 องศาเซลเซียส
ข้อมูลแรกของการค้นพบโรงอาบน้ำอายุ 2,000 ปีแห่งนี้ เกิดขึ้นโดย ชองเทร นักสำรวจชาวฝรั่งเศส ที่ไปค้นพบส่วนของโครงสร้างหลักในราวปี 1893-1894 และเขาได้วาดภาพนั้นเก็บไว้ ก่อนที่การขุดค้นครั้งแรกจะเกิดขึ้นภายหลังโดย ริชาร์ด ซี. เฮนส์ ซึ่งถูกว่าจ้างจาก ดร.วอน เดอร์ ออสเตน แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายของการขุดค้น เพื่อค้นหาสิ่งที่ยังเหลืออยู่ภายใต้โครงสร้างเหล่านั้น รวมไปถึงการสำรวจอาณาเขตของอาคารทั้งหมดในบริเวณดังกล่าว
ภายในโรงอาบน้ำ Basilica Therma แห่งนี้ ส่วนใหญ่ประกอบด้วยวัสดุหลักอย่างหินอ่อน เป็นวัสดุในการก่อสร้างเกือบทั้งหมด ทั้งในส่วนของโครงสร้างสถาปัตยกรรม หรือส่วนบริเวณสระน้ำก็ตาม รวมทั้งการใช้หินปูนในโครงสร้างบางส่วนของสระน้ำ และแน่นอนว่าความสวยงามของโรงอาบน้ำแห่งนี้ประกอบด้วยเอกลักษณ์ของศิลปะแบบโรมันครบถ้วน ทั้งเสา วงโค้ง ความสมมาตร หรือหินสลัก
อดีตสปาบำบัดโรคของธิดาราชา
จากการศึกษาพื้นที่ ขุดค้น และข้อมูลที่ค้นคว้า นายโอเมอร์ อาค์เคิล นายกเทศมนตรีเมืองซาการ์ยา ได้อธิบายถึงเรื่องราวของโรงอาบน้ำแห่งนี้กับ CNN Turkey ว่า โรงอาบน้ำแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 40 โดยศึกษาจากสิ่งที่ขุดค้นพบขึ้นมาได้ ทั้งเหรียญหรือวัตถุโบราณหลากหลาย สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ที่ได้รับฉายาว่า ‘King of Roses’ เขาสร้างโรงอาบน้ำแห่งนี้ขึ้นมาเนื่องจากลูกสาวของเขามีอาการป่วย และมีความเชื่อน้ำร้อนในบริเวณนี้จะสามารถเยียวยาอาการของเธอได้ ดังนั้นโรงอาบน้ำแห่งนี้จึงมีอีกชื่อที่รู้จักกันในนาม ‘King’s Daughter’ อันมาจากเรื่องราวดังกล่าวนั่นเอง
ในระหว่างการขุดค้นในปี 2010-2015 สิ่งที่ถูกขุดค้นพบขึ้นมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุที่อยู่ในยุคศิลปะไบเซนไทน์ ซึ่งเป็นลักษณะของศิลปะแบบตะวันตกและตะวันออกควบรวมกัน รวมไปถึงหลักฐานการมาถึงของอาณาจักรออตโตมัน ที่ได้สร้างประโยชน์มหาศาลให้กับโรงอาบน้ำแห่งนี้ หลังจากพบเอกสารการจ่ายเงินเดือนให้กับผู้คนที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน ‘นักบำบัด’ ซึ่งสร้างให้ชุมชนแห่งนี้มีรายได้ขึ้นมาในยุคนั้น
เศษซากปรักหักพังของหินสลักภายในบริเวณ Basicila Therma (ภาพ: CNN Turk)
หากคุณรู้จัก Roman Bath ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ Basilica Therma แห่งนี้จะมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างออกไปตามคำกล่าวของอาค์เคิล เพราะหลังจากการขุดค้นอย่างยาวนาน เขาได้พบซากปรักหักพังของโบราณสถานแห่งนี้ที่มีการสลักภาพงูแลบลิ้น อันเป็นเครื่องหมายตามปรัมปราวิทยา (Mythology) ที่หมายถึงคทาของแอสคลีเพียส (Rod of Asclepius) เทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษา ซึ่งกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการแพทย์ในปัจจุบัน ซึ่งหากมองจากมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ ก็ได้ให้ความหมายว่า สถานที่แห่งนี้คือสถานที่รักษาร่างกายด้วยน้ำ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า นี่เป็นสถานบำบัดร่างกายด้วยวารีเป็นแห่งแรกของโลก เพราะนอกจากจะมีสระใหญ่ตรงกลางแล้ว ยังมีสระขนาดเล็กอยู่ด้านหลังอีกสองสระ พร้อมยังมีแผนจะขยายหลุมขุดค้นออกไปในอนาคต เพราะทีมงานต่างมีความเห็นว่า อาจจะยังมีสระขนาดเล็กนี้อีกถึง 7 สระเป็นอย่างน้อย ภายในบริเวณดังกล่าว
นโยบายการอนุรักษ์ ยูเนสโก และแผนการท่องเที่ยว
ปัจจุบันโรงอาบน้ำ Basilica Therma นี้อยู่ในรายชื่อ Tentative List (รายชื่อรอรับการบรรจุ) ให้เป็นมรดกโลกขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งในความเห็นของสหประชาชาติได้กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญในแง่ของเทคโนโลยีและภูมิปัญญาของชาวโรมัน และยังนับว่าเป็นอาคารโรมันที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในภูมิภาคเอเชียกลาง เพราะตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 1900 เป็นต้นมา พบหลักฐานว่า โรงอาบน้ำแห่งนี้ยังมีน้ำร้อนๆ ไหลเวียนอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการหยุดชะงักแต่อย่างใด ทั้งโครงสร้างสองชั้นของอาคารเองก็ยังครบถ้วน และมีความสมมาตรกับตัวโครงสระอย่างลงตัว
ทั้งนี้เองโรงอาบน้ำ Basilica Therma นี้ได้รับการอนุรักษ์อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรมและธรรมชาติตั้งแต่ใน ค.ศ. 1987 และใน ค.ศ. 2013 พื้นที่แห่งนี้ยังได้รับการคุ้มครองเพื่อป้องกันการก่อสร้างอาคารโมเดิร์นต่างๆ เพื่อป้องกันทัศนียภาพไว้ ภายใต้การดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดยอซกัต ซึ่งจะมีแผนการขุดค้นให้เสร็จสมบูรณ์ ทั้งพื้นที่ภายในปีนี้และในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทางจังหวัดยอซกัตจะเริ่มทำแผนโปรโมตสถานที่แห่งนี้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นไปที่ประชากรในประเทศตุรกี ก่อนขยายเป็นแผนการโปรโมตในระดับนานาชาติต่อไปภายในเดือนมกราคมปีหน้า โดยมุ่งขับเน้นให้เป็นการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์และยั่งยืน
อดใจรออีกไม่นาน เราคงจะได้กระโจนลงไปโลดแล่นในโรงอาบน้ำเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และ Basilica Therma แห่งนี้อาจกลายเป็นจุดท่องเที่ยวฮอตฮิตแห่งใหม่ของตุรกีในอนาคตก็เป็นได้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- whc.unesco.org/en/tentativelists/6350/
- www.cnnturk.com/yasam/yozgattaki-basilica-therma-roma-hamaminin-sifali-suyu-2-bin-yildir-akiyor?page=8
- www.yenisafak.com/en/life/turkeys-ancient-roman-bath-to-open-for-tourists-soon-3437773
- www.hurriyetdailynews.com/photo-turkeys-ancient-roman-bath-to-open-for-tourists-soon-135318#photo-9
- ในช่วงเดือนมกราคมของปี 2012 พบว่า มีเหตุอุทกภัยเกิดขึ้น จึงทำให้การขุดค้นภายในบริเวณ Basilica Therma นี้หยุดชะงักไประยะหนึ่ง