สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนายังเผชิญกับปัญหาในการลงทะเบียนนักฟุตบอลใหม่ที่ซื้อเข้ามาร่วมทีมในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา เมื่อลาลีกายืนยันไม่อนุญาตให้ทำการลงทะเบียนสำหรับลงแข่งขันได้ เนื่องจากยังไม่ผ่านการตรวจสอบสถานะทางการเงิน
แม้ว่าบาร์เซโลนาจะมีการใช้มาตรการฉุกเฉินทางการเงินที่เรียกว่า ‘Palancas’ หรือ ‘คันโยกทางเศรษฐกิจ’ มาแล้วถึง 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรกเป็นการขายบางส่วนของรายได้จากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในอนาคต และอีกครั้งคือการขายหุ้นบาร์ซาสตูดิโอ บริษัทลูกของสโมสรออกไป 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรวมกับการเซ็นสัญญากับ Spotify ที่เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักที่สามารถระดมเงินมาได้ถึง 850 ล้านยูโร
แต่หลังจากที่ทางด้านผู้ตรวจสอบบัญชีของลาลีกาได้เข้าตรวจสอบพบว่า รายได้จากนักลงทุนอย่าง Sixth Street ที่ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดไป 10 และ 15 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับนั้นมีรายได้กลับมาแค่ 517 ล้านยูโร โดยที่รายได้อีก 150 ล้านยูโรมาจากสโมสรเองที่ใช้วิธีการทางบัญชี ซึ่งแม้ว่ากระบวนการดังกล่าวจะถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทางด้านลาลีกายืนยันว่ารายได้ส่วนที่บาร์ซาเติมเข้ามาเอง 150 ล้านยูโรไม่สามารถนำมาใช้คำนวณได้
นั่นหมายถึงทางด้านบาร์ซายังไม่สามารถเคลียร์ในเรื่องของกฎการเงินของลาลีกาได้ และทำให้ไม่สามารถลงทะเบียนผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง อันเดรียส คริสเตนเซน, แฟรงค์ เคสซี, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี และ ฌูลส์ กุนเด ไม่นับนักเตะที่มีการเซ็นสัญญากันใหม่ อาทิรายของ อุสมาน เดมเบเล ที่อยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งทางด้านบาร์ซาคาดหวังว่าจะสามารถปลดล็อกได้ด้วยการใช้คันโยกเศรษฐกิจครั้งที่ 4 และคาดหวังว่าหากหาเงินได้อีก 100 ล้านยูโรจะช่วยแก้ไขทุกอย่างได้ แม้ว่าทางด้าน โจน ลาปอร์ตา ประธานสโมสรจะไม่ต้องการแบบนั้นก็ตาม และผิดหวังที่ลาลีกาตีความกฎการเงินไม่ตรงกับที่บาร์ซาคาดหวังไว้
บาร์ซายังพยายามผ่องถ่ายนักเตะที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมออกไปอีกหลายราย ไม่ว่าจะเป็น แฟรงกี เดอ ยอง, เมมฟิส เดอปาย, มาร์ติน เบรธเวท, ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง โดยเฉพาะรายแรกที่มีปัญญามากที่สุด โดยมีการเตรียมใช้กระบวนทางกฎหมายเข้าช่วยจากการที่พบความผิดปกติในการต่อสัญญาที่เกิดขึ้นในยุคของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว อดีตประธานสโมสร ซึ่งอาจจะแก้ปัญหาด้วยการให้เดอ ยองกลับมาใช้สัญญาฉบับเดิมที่เซ็นเมื่อปี 2019 แทน
อ้างอิง:
