สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD ว่าขณะนี้องค์กรอยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนทิศทางธุรกิจครั้งสำคัญภายในแนวคิด ‘Greener & Smarter’ โดยจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทน และธุรกิจใหม่ขึ้นทดแทนรายได้จากถ่านหินซึ่งเป็นรายได้หลักขององค์กรในขณะนี้
ปัจจุบันบ้านปูมีรายได้จากการขายรวม 3,481 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 112,474 ล้านบาท) มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 1,178 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 38,062 ล้านบาท) จาก 3 กลุ่มธุรกิจได้แก่ 1. กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (Energy Resources) ได้แก่ เหมืองถ่านหิน แหล่งก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง 2. กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (Energy Generation) ได้แก่ โรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงและพลังงานทดแทน และ 3. กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) ได้แก่ ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร ระบบจัดเก็บพลังงาน และระบบการจัดการเทคโนโลยีพลังงาน โดยรายได้จากเหมืองถ่านหินคิดเป็น 70% ของรายได้ทั้งหมด
แผนที่สำคัญคือเป้าหมายปี 2568 หรืออีก 6 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จากเหมืองถ่านหินจะปรับเป็น 40% โดยธุรกิจพลังงานทดแทนจะมีบทบาทที่สำคัญมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันบ้านปูมีธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศอยู่แล้ว ล่าสุดได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม และยังอยู่ระหว่างเจรจากับหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วย
สิ่งที่เป็นความหวังของบ้านปูคือการขยายตัวของธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน นั่นคือระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์เซลล์ ซึ่งจะเติบโตไปตามเทรนด์ของผู้บริโภคมืออาชีพ (Prosumer) ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ขายเข้าระบบ (Off-Grid) นั่นคือไม่เพียงแต่บริโภคไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ผลิตและจัดเก็บพลังงานไฟฟ้าได้เองก็สามารถนำไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานไปขายเพื่อสร้างรายได้กลับมา ซึ่งปัจจุบันยังมีข้อจำกัดด้านกฎหมายที่ยังไม่สามารถผลักดันเรื่องดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ และหวังว่าจะเกิดความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวในอนาคต เชื่อว่าจะมีโอกาสอย่างมากสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับการเข้ามาของยุค ‘อินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (Internet of Things: IoT)’ และการขยายตัวของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นผลดีกับธุรกิจของบ้านปูในอนาคต ขณะนี้ได้ลงทุนเรื่องนวัตกรรม จับมือกับสตาร์ทอัพที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเชิญมืออาชีพจากซิลิคอนวัลลีย์มานั่งในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีหรือ CTO อีกด้วย
สำหรับเป้าหมายธุรกิจในปี 2562 นี้ คาดว่ารายได้จะเติบโตเล็กน้อยหรือเทียบเท่ากับรายได้ปี 2561 ที่ผ่านมา เนื่องจากปีที่แล้วราคาถ่านหินกระโดดขึ้นถึง 20% จึงทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นปีนี้จึงไม่น่าจะเติบโตหวือหวาเหมือนปีที่ผ่านมาอีก ส่วนแผนการลงทุนนั้นจะเน้นเพิ่มการลงทุนธุรกิจพลังงานในสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก และลงทุนในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่อง ยังไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศไทยแต่อย่างใดในขณะนี้
เมื่อตรวจสอบงบการเงินปี 2561 ที่เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ช่วงเที่ยงวันนี้ (24 เม.ย.) พบว่าหุ้น BANPU ราคาหุ้นละ 16.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.1 บาทต่อหุ้นหรือ 0.61% มีสินทรัพย์รวม 2.74 แสนล้านบาท รายได้ราว 1.23 แสนล้านบาท กำไร 6.69 พันล้านบาท อัตราส่วนระหว่างราคาหุ้นปัจจุบันเทียบกับกำไรต่อหุ้น (P/E) ณ วันที่ 23 เม.ย. 2562 เท่ากับ 12.57 เท่า
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: