จากกรณี Bank Run หรือการแห่ถอนเงินออกจากธนาคารพาณิชย์เพราะเกิดความไม่เชื่อมั่น เกิดขึ้นกับธนาคารพาณิชย์ในเวียดนามเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดธนาคารกลางเวียดนามมีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังจากที่เคยประกาศรับประกันสิทธิเงินฝากไปแล้วเมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมา
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ธนาคารกลางแห่งเวียดนามกำลังเร่งเดินหน้าดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อทำให้นักลงทุนในตลาดคลายความวิตกังวล หลังแห่กันออกมาเทขายหุ้นและถอนเงิน Saigon Commercial Bank หรือ SCB ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศ จากกรณีอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับเจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แบงก์ เวียดนาม โกลาหล! ลูกค้าแห่ถอนเงินหลังกรรมการบอร์ดเสียชีวิต
- เปิดจุดเด่น เวียดนาม หลังจ่อขึ้นแท่นประเทศที่คว้าชัยในยุค Deglobalization
- ต่างชาติแห่ปักหมุด ลงทุนเวียดนาม ยอด FDI พุ่งแซงไทยแบบไม่เห็นฝุ่น สัญญาณบ่งชี้ ไทยเริ่มไร้เสน่ห์?
รายงานระบุว่า ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา (10 ตุลาคม) ดัชนีอ้างอิงของเวียดนามและหุ้นธนาคารดิ่งลงอย่างหนัก หลังมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว Truong My Lan ประธานบริษัทอสังหา กลุ่มบริษัท Van Thinh Phat Holdings Group และเจ้าหน้าที่บริษัทคนอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในข้อหาได้สินทรัพย์มาโดยมิชอบจากการฉ้อโกงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับการเดินหน้าสืบสวน กรณีการออกและซื้อขายพันธบัตรของบางบริษัทมูลค่าหลายล้านล้านดองอย่างไม่ชอบมาพากลในช่วงปี 2018-2019
Kato Mukuru หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาด Frontier Markets ของ EFG Hermes ในดูไบ แสดงความเห็นว่า ไม่เห็นสัญญาณความเสี่ยงที่ปัญหาครั้งนี้จะลุกลามเป็นวิกฤตภาคการเงินของประเทศ และการตอบสนองอย่างแข็งขันของหน่วยงานภาครัฐถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อภาคธนาคารเวียดนามได้เป็นอย่างดี ขณะที่โดยส่วนตัวมองว่า ปัญหาของธนาคารที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นภาพสะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดที่อ่อนแอว่า ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่มักตกเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ของเจ้าของและกลุ่มผู้ถือหุ้นบางส่วนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการจับกุมครั้งนี้ ส่งผลให้หุ้นเวียดนามกลายเป็นดัชนีที่ทำผลงานแย่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยปรับลดลงไปแล้วมากกว่า 18% สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากแรงเทขายเพื่อลดความเสี่ยงจากนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
Ruchir Desai ผู้จัดการกองทุนที่ Asia Frontier Capital กล่าวว่า กรณีของธนาคาร SCB เป็นเพียงแค่ความหวาดกลัวของผู้ฝากเงินในบัญชีว่าอาจจะมีบางอย่างผิดพลาดเกิดขึ้น ซึ่งต่างจากกรณีของผู้ถือตราสาร Van Thinh Phat ที่บริษัทมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถชำระหนี้ได้
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ผู้ที่ฝากเงินในธนาคาร SCB ก็ยังคงเข้าคิวต่อแถวถอนเงินอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิง:
