สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2564 ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีความเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยคุณภาพสินเชื่อในภาพรวมค่อนข้างทรงตัวจากปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการปรับดีขึ้นจากปีก่อน แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด
ข้อมูลจาก ธปท. ระบุว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ในปีที่ผ่านมามีเงินกองทุนรวมทั้งสิ้น 3.03 ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ 19.9% เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 8.8 แสนล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Coverage Ratio) อยู่ที่ 162.6% และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อยู่ที่ 189.2%
ขณะที่ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 2564 ขยายตัวที่ 6.5% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 5.1% ซึ่งเป็นระดับที่สูงหากเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค โดยสินเชื่อธุรกิจขยายตัว 7.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตัวในเกือบทุกประเภทธุรกิจ สะท้อนความต้องการเงินทุนของภาคธุรกิจตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับสินเชื่อที่ให้แก่ภาครัฐที่ยังคงเพิ่มขึ้น ส่วนสินเชื่อธุรกิจ SMEs ขยายตัวต่อเนื่อง จากมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูเป็นสำคัญ
ขณะที่สินเชื่ออุปโภคบริโภค พบว่าขยายตัวในอัตราที่ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 4% โดยสินเชื่อบัตรเครดิตขยายตัว 1.7% สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว สินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวได้ 7.8% ตามความต้องการสภาพคล่องของภาคครัวเรือน สินเชื่อรถยนต์ขยายตัวในอัตราทรงตัวที่ 0.1% สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวในอัตรา 4.4% ชะลอลงตามอุปสงค์ต่อที่อยู่อาศัยที่ปรับลดลงจากปีก่อน
ในด้านภาพรวมคุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2564 ค่อนข้างทรงตัวจากปีก่อน เป็นผลจากการปรับโครงสร้างหนี้และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เป็นสำคัญ โดยยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non Performing Loan: NPL หรือ Stage 3) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.3 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 2.98%
ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (Significant Increase in Credit Risk: SICR หรือ Stage 2) อยู่ที่ 6.39% ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่ 6.62%
“ตัวเลข NPL ที่ลดลงทั้งในส่วนที่เป็น Stage 3 และ Stage 2 สะท้อนว่าธนาคารพาณิชย์ยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ตามมาตรการของ ธปท. อยู่ โดยตัวเลขลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้ปรับลดลงมาเหลือ 5.66 ล้านรายแล้ว แบ่งเป็นรายใหญ่ 2 หมื่นบัญชี ธุรกิจ SMEs 5.6 แสนบัญชี และรายย่อย 5.08 ล้านบัญชี” สุวรรณีกล่าว
ทั้งนี้ ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิในปี 2564 จำนวน 1.81 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23.6% โดยหลักจากค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลงจากการกันสำรองในระดับสูงในปีก่อน ประกอบกับการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Assets: ROA) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.81% จากปีก่อนที่ 0.69%
อย่างไรก็ดี รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับลดลงเล็กน้อยตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ และการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ย ทำให้อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin: NIM) ลดลงมาอยู่ที่ 2.46% จากปีก่อนที่ 2.63%