วันนี้ (28 กันยายน) เอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของกรุงเทพมหานครในการรับมือและเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงช่วงวันที่ 28 กันยายน – 2 ตุลาคม 2567 เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง ประกอบกับมวลน้ำหลากจากตอนบนของลุ่มน้ำไหลลงมาสมทบ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำท่วมบริเวณที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำท่าจีน, ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว, บริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) โดยหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของกรุงเทพมหานครมีการเตรียมความพร้อมดังนี้
เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ อุปกรณ์ ป้องกันผลกระทบจากสถานการณ์น้ำหนุนสูง
สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กทม. ดำเนินการเตรียมความพร้อมป้องกันผลกระทบจากสถานการณ์ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้น โดยจัดเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย รวมทั้งยานพาหนะและอุปกรณ์ เตรียมความพร้อมสนับสนุนและบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักการระบายน้ำ สำนักเทศกิจ กองโรงงานช่างกล และสำนักงานเขต เพื่อรองรับสถานการณ์และป้องกันผลกระทบจากปริมาณน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มเจ้าพระยา ที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนและพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในเขต กทม.
ขณะเดียวกันได้ขอให้สำนักงานเขตที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาแจ้งข้อมูลสถานการณ์น้ำในพื้นที่ กทม. ให้ประชาชนรับทราบอย่างรวดเร็วและทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงบริษัทและห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา รับทราบสถานการณ์ล่วงหน้าอย่างรวดเร็วและเตรียมการป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ประชาชนที่ประสบเหตุน้ำท่วมหรือเหตุสาธารณภัย สามารถขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วน 199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เร่งเสริมความสูงแนวคันกั้นน้ำจุดเสี่ยง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำหนุนใกล้ชิด
ด้านสำนักการระบายน้ำ (สนน.) ประสานความร่วมมือกับกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้น โดยประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อวิเคราะห์ ติดตามคาดการณ์สภาพอากาศ ปริมาณฝน ปริมาณน้ำ รวมถึงบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำอื่นๆ
ขณะเดียวกันได้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำและตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ และคลองพระโขนง จัดเตรียมกระสอบทรายพร้อมเจ้าหน้าที่เข้าไปเรียงกระสอบทราย เพื่อเสริมความสูงของแนวคันกั้นน้ำ และเสริมความมั่นคงแข็งแรง ให้สามารถป้องกันน้ำเหนือหลากและน้ำทะเลหนุนสูง ให้เกิดความปลอดภัย ไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง โดยเฉพาะบริเวณบ้านเรือนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำและบริเวณที่ยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือแนวฟันหลอ พื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำตามแนวริมแม่น้ำ
รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ ติดตาม และเฝ้าระวัง ในช่วงก่อนเวลาที่น้ำจะขึ้นทุกวันตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะจุดที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ตรวจสอบเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งตามบ่อสูบน้ำต่างๆ ตามแนวริมแม่น้ำทุกจุดให้พร้อมใช้งานได้ทันที
เอกวรัญญูกล่าวต่อว่า กทม. มีแผนปฏิบัติการให้สถานีสูบน้ำตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยาปฏิบัติการลดระดับน้ำในคลองต่างๆ ให้อยู่ในระดับต่ำ และเร่งสูบระบายหากเกิดปัญหาน้ำรั่วซึมเข้ามาในพื้นที่ ตรวจสอบประตูระบายน้ำ เครื่องสูบน้ำที่สถานีสูบน้ำตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้มีความพร้อมใช้งานทุกจุด สำหรับชุมชนที่อยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วมขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำเหนือ เวลาน้ำขึ้นเต็มที่ในแต่ละวันอย่างใกล้ชิด ผ่านเว็บไซต์ https://dds.bangkok.go.th/, https://pr-bangkok.com/, Facebook: ศูนย์ป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร และ X: @BKK_BEST รวมถึงแจ้งเหตุปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ กทม. ได้ที่ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม โทร. 0 2248 5115 หรือแจ้งผ่านระบบ Traffy Fondue ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ คลองชักพระ และคลองพระโขนง ในพื้นที่ กทม. มีความยาวริมตลิ่งประมาณ 88 กิโลเมตร แบ่งเป็นแนวป้องกันตนเองของเอกชนหรือหน่วยงานอื่น ความยาวประมาณ 3.65 กิโลเมตร, แนวฟันหลอหรือแนวป้องกันตนเองที่มีระดับน้ำต่ำและความมั่นคงแข็งแรงไม่เพียงพอ ความยาวประมาณ 4.35 กิโลเมตร เช่น แนวป้องกันน้ำท่วมของกรมชลประทาน, กองทัพเรือ, ธนาคารแห่งประเทศไทย, ศาสนสถานหรือศาลเจ้า, ท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า, อู่จอดเรือ, ร้านค้า, สถานประกอบการ, ร้านอาหารริมน้ำ, อาคารโกดังสินค้า เป็นต้น
ซึ่งระดับความสูงคันกั้นน้ำแนวป้องกันน้ำท่วมความสูงประมาณ +2.80 เมตรเทียบกับระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ถึงความสูงประมาณ +3.50 ม.รทก. โดยขนาดของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ กทม. สามารถรองรับปริมาณน้ำเหนือได้ประมาณ 2,500-3,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที โดยไม่มีปัญหาน้ำล้นตลิ่ง
เข้มมาตรการรับมือฤดูฝน พร้อมบูรณาการทุกหน่วยงานบริหารจัดการน้ำเหนือ น้ำทะเลหนุน
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ 10 มาตรการรับมือฤดูฝนของรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ กทม. นั้น กทม. ได้บูรณาการความร่วมมือขับเคลื่อนแผนบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนปี 2567 เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำและป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยประชุมเป็นประจำทุกสัปดาห์ร่วมกับกรมชลประทาน, กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ, กรมอุตุนิยมวิทยา, กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุนสูง
ทั้งนี้ กทม. มีแผนการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ปี 2567 ในด้านต่างๆ โดยการควบคุมลดระดับน้ำตามคูคลองให้อยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งแก้มลิง 35 แห่ง และบ่อสูบน้ำ 376 แห่ง, สำรวจและติดตั้งเครื่องสูบน้ำชั่วคราวในพื้นที่จุดเสี่ยงและจุดเฝ้าระวังน้ำท่วม โดยเฉพาะถนนสายหลัก พื้นที่ชุมชน และพื้นที่จุดอ่อนน้ำท่วมถนนและซอย, เตรียมความพร้อมอุโมงค์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ประตูระบายน้ำ 248 แห่ง และสถานีสูบน้ำ 195 แห่ง โดยปัจจุบันได้ดำเนินการตรวจสอบและซ่อมบำรุงรักษาประจำปีแล้วเสร็จ, เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่จัดเก็บขยะตะแกรงท่อระบายน้ำ ขยะหน้าตะแกรงสถานีสูบน้ำ และบ่อสูบน้ำ ในขณะที่ฝนตก เพื่อเร่งระบายน้ำให้รวดเร็วขึ้น รวมทั้งตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า ตู้เมนไฟฟ้า ตู้ควบคุมเครื่องสูบน้ำของ สนน. 477 แห่ง และเครื่องสูบน้ำดีเซลของสำนักงานเขต 421 เครื่อง สามารถใช้งานได้ตามปกติ, เตรียมความพร้อมของอุปกรณ์สนับสนุน เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า รถโมบายล์ยูนิต เครื่องสูบน้ำ และหน่วย BEST เข้าแก้ไขสถานการณ์และช่วยเหลือประชาชน
ขณะเดียวกันได้เตรียมความพร้อมระบบระบายน้ำ ทั้งการล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ขุดลอกคูคลอง เปิดทางน้ำไหล จัดเก็บขยะวัชพืช รวมถึงการแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำบริเวณใต้สะพานและท่อลอดต่างๆ ตลอดจนจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ กทม. เพื่อเตรียมพร้อมรับมือฤดูฝน เฝ้าระวังจุดเสี่ยงน้ำท่วมและพื้นที่เศรษฐกิจของ กทม. โดยตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุน้ำท่วมหรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง 50 เขต ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป อีกทั้งปลัดกรุงเทพมหานครยังได้สั่งการให้สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต สำรวจชุมชนที่มีปัญหาน้ำท่วมให้เร่งแก้ไขปัญหาทันที
สำหรับจุดเสี่ยงน้ำท่วมในพื้นที่ กทม. ในปี 2565 มีทั้งสิ้น 737 แห่ง เป็นจุดเสี่ยงน้ำฝน 617 แห่ง และจุดเสี่ยงแนวริมแม่น้ำ (น้ำเหนือ น้ำทะเลหนุน) 120 แห่ง แก้ไขไปแล้ว 179 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ 231 แห่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จทันฤดูฝนปีนี้ 190 แห่ง ส่วนปี 2567 ได้รับงบประมาณจำนวน 72 แห่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จทันฤดูฝนปีนี้ 4 แห่ง และในปี 2568 อยู่ระหว่างของบประมาณจำนวน 75 แห่ง คงเหลือที่อยู่ในระหว่างสำรวจและหาแนวทางแก้ไขอีก 180 แห่ง
อย่างไรก็ตาม กทม. ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการก่อสร้างต่างๆ ในพื้นที่ กทม. โดยตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของท่อระบายน้ำ ทางระบายน้ำ และระบบระบายน้ำในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณถนนสายหลักที่มีการก่อสร้างโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าและโครงการขนาดใหญ่ โดยแจ้งและกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และผู้รับจ้างโครงการ ล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำในพื้นที่ก่อสร้าง ให้รายงานผลการดำเนินงานให้ สนน. ทราบเป็นประจำทุกเดือน พร้อมทั้งตรวจสอบการเบี่ยงแนวท่อระบายน้ำ (By Pass) ให้น้ำสามารถไหลได้สะดวก หากมีปัญหาติดขัดในการระบายน้ำจะประสานแจ้งโครงการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมในจุดก่อสร้าง ขณะเดียวกันได้ประสานหน่วยงานโครงการก่อสร้างต่างๆ ที่ยังไม่แล้วเสร็จให้เร่งแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อระบบระบายน้ำ
รวมทั้งได้ประชุมหารือกับเทศบาลนครนนทบุรี, เทศบาลนครปากเกร็ด, เทศบาลเมืองคูคต, เทศบาลตำบลสำโรงเหนือ, กรมทางหลวง และกรมชลประทาน เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนพื้นที่รอยต่อ
ส่วนการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง กทม. ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานเขตที่มีชุมชนอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำหรือชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน เพื่อเฝ้าระวังและเตรียมการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ดูแลอุปกรณ์ไฟฟ้าและปลั๊กไฟ พร้อมตรวจสอบการเรียงกระสอบทรายให้มีความสูงและมีความแข็งแรง จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ ตลอดจนรับทราบสถานการณ์น้ำขึ้น-น้ำลงตามตารางน้ำขึ้น-น้ำลงของกรมอุทกศาสตร์ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำและตรวจสอบแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ และคลองพระโขนง เป็นต้น
ขณะเดียวกันในส่วนของแนวฟันหลอ กทม. ได้จัดเจ้าหน้าที่เรียงกระสอบทรายเสริมความสูงของแนวคันกั้นน้ำและเสริมความมั่นคงแข็งแรงแล้ว เพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง ทั้งนี้จากการถอดบทเรียนน้ำท่วมพบจุดที่มีปัญหารวม 120 แห่ง ได้ก่อสร้างปรับปรุงซ่อมแซม โดยจะแก้ไขถาวรได้ทันในฤดูน้ำหลากนี้ได้ 64 แห่ง และเรียงกระสอบทรายป้องกันในบริเวณที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ