วันนี้ (18 มีนาคม) เอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการปรับปรุงทางเท้ามาตรฐานใหม่ บริเวณหน้าตลาดพรานนก ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อย และบริเวณรถไฟฟ้า MRT สถานีอิสรภาพ เขตบางกอกใหญ่
เอกวรัญญูกล่าวว่า ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาทางเท้าของกรุงเทพมหานครให้เดินได้ เดินดี และน่าเดิน 1,000 กิโลเมตร ภายใน 4 ปี (ตั้งแต่ปี 2566-2569) ขณะนี้สามารถดำเนินการได้กว่า 70% แล้ว โดยภายในเดือนเมษายน 2568 กทม. จะมีทางเท้ามาตรฐานใหม่จำนวน 87 เส้นทาง รวมระยะทาง 774 กิโลเมตร และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องคาดว่าภายในปี 2569 จะได้มากกว่า 1,000 กิโลเมตรแน่นอน
เหตุผลที่ กทม. ให้ความสำคัญในการพัฒนาทางเท้า เนื่องจากคนกรุงเทพฯ ร้อยละ 58.2 ใช้วิธีเดินเท้าเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ เฉลี่ยเดินระยะทาง 800 เมตรต่อ 10 นาที และร้อยละ 31.2 ใช้ยานพาหนะส่วนตัว ซึ่งแนวโน้มคนเดินเท้ามีมากขึ้น กทม. จึงมีแผนพัฒนาทางเท้าเชื่อมโยงรถไฟฟ้า ปัจจุบันมี 11 เส้นทาง 297 สถานี ระยะทางรวม 466.1 กิโลเมตร ตามแนวคิด First & Last Mile เพื่อให้สามารถเดินจากที่พักไปเชื่อมรถไฟฟ้าและอื่นๆ ได้สะดวก ปลอดภัย เช่น ถนนอิสรภาพ ถนนเพชรเกษม ถนนเจริญกรุง และถนนจรัญสนิทวงศ์ ฯลฯ
ในวันนี้โฆษกของกรุงเทพมหานครได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามการปรับปรุงทางเท้าถนนอิสรภาพ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร เชื่อมต่อพื้นที่เขตธนบุรี บางกอกใหญ่ และบางกอกน้อย โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2567 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2568
การปรับปรุงทางเท้าบริเวณดังกล่าวใช้มาตรฐานทางเท้าใหม่ที่มีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยยิ่งขึ้น มีความเป็น Universal Design เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ทางเท้าทุกคน อีกทั้งมีฝาท่อที่มีการออกแบบให้มีความโดดเด่นและแสดงออกถึงอัตลักษณ์ประจำย่านของทั้ง 3 เขต มีการใช้พื้นผิวทางเท้าพิมพ์ลายเพื่อกันลื่น เพิ่มไฟฟ้าแสงสว่าง ขยับ Street Furniture ไม่ให้กีดขวางทางเท้า จัดระเบียบผู้ค้าหน้าตลาดเดิม โดยให้ย้ายเข้าไปทำการค้าในจุดที่เหมาะสม ซึ่งบริเวณหน้าตลาดพรานนก ถนนอิสรภาพ (ฝั่งขาเข้า) มีผู้ค้าลงทะเบียนไว้ 181 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 06.00-20.00 น. แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ รอบเช้าและรอบบ่าย
ปัจจุบันเขตบางกอกน้อยได้จัดระเบียบพื้นที่ทำการค้า โดยมติของคณะกรรมการหาบเร่-แผงลอยระดับเขต ยกเลิกพื้นที่ทำการค้าบริเวณหน้าตลาดพรานนกและหน้าตลาดบางกอกน้อย ถนนอิสรภาพ (ฝั่งขาเข้า) ซึ่งทั้งสองจุดมีการปรับปรุงทางเท้าใหม่ โดยย้ายผู้ค้าบริเวณดังกล่าวเข้าไปทำการค้าภายในตลาดพรานนกประมาณ 40 แผง และผู้ค้าบางส่วนย้ายไปทำการค้าในที่แห่งใหม่
เอกวรัญญูกล่าวต่อว่า กทม. มีแนวทางดำเนินการปรับปรุงทางเท้ามาตรฐานใหม่ 3 วิธี คือ
- การทำใหม่ทั้งเส้นทาง
- ปรับปรุงซ่อมแซมจุดที่ชำรุดเป็นการเร่งด่วน
- การปรับใช้นวัตกรรมให้เหมาะสมกับพื้นที่
โดยจะต้องมีความแข็งแรงทนทาน เน้นผู้ใช้ทางเท้าเป็นศูนย์กลาง
อีกทั้งนำงานศิลปะมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบฝาท่อให้มีความโดดเด่นและแสดงออกถึงอัตลักษณ์ประจำย่านในแต่ละแห่ง สำหรับการทำใหม่ทั้งเส้นทางมีการดำเนินการ 2 รูปแบบ โดยในส่วนพื้นที่ชั้นในและเส้นทางที่มีผู้คนสัญจรหนาแน่นจะปูพื้นโดยใช้กระเบื้องตามมาตรฐานทางเท้าใหม่ ซึ่งฐานรากจะต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กหนา 10 เซนติเมตรที่จะสามารถเพิ่มความแข็งแรงของทางเท้าได้ เช่น ถนนเพลินจิต ถนนสีลม ถนนหลังสวน และถนนเยาวราช ฯลฯ
ในส่วนพื้นที่ชานเมืองบางเส้นทางซึ่งการสัญจรไม่หนาแน่น จะใช้วิธีปูด้วยแอสฟัลต์ เช่น ถนนลาดหญ้าหรือถนนพุทธมณฑลสาย 3 นอกจากนี้ยังมีการขยับและรื้อย้าย Street Furniture ที่ไม่จำเป็น เพื่อเพิ่มพื้นที่ทางเดินเท้า มีการปรับรางระบายน้ำตลอดแนวถนน จากรูปแบบเดิมที่เป็นช่องระบายน้ำติดกับทางเท้า เปลี่ยนมาเป็นรางระบายน้ำตลอดแนวถนน เพื่อช่วยระบายน้ำท่วมขังบนถนนลงท่อระบายน้ำได้เร็วยิ่งขึ้น
โฆษกของกรุงเทพมหานครยังกล่าวอีกว่า กทม. จะยึด 5 แนวทางในการพัฒนาปรับปรุงทางเท้า คือ
- แก้ไขตามประเด็นเรื่องร้องเรียนใน Traffy Fondue
- พัฒนาปรับปรุงตามแนว BKK Trail 500 กิโลเมตร
- ภายในรัศมี 500 เมตรรอบสถานีรถไฟฟ้า ทางเท้าต้องดี
- ปรับปรุงในเส้นทางที่มีผู้คนสัญจรหนาแน่นตามข้อมูล Heatmap ที่เก็บได้นอกเหนือจากรัศมีรถไฟฟ้า
- คืนสภาพจากหน่วยงานสาธารณูปโภค โดยติดตามเร่งรัดการบริหารจัดการสาธารณูปโภคที่ทำให้เกิดผลกับพื้นผิวจราจรและทางเท้า เช่น ประปา ไฟฟ้า หรือการนำสายไฟลงดิน
มาตรฐานใหม่ของทางเท้ากรุงเทพฯ 10 ข้อ คือ
- ลดระดับความสูงคันหินทางเท้าเป็นแบบรางตื้นสูง 10 เซนติเมตร
- ลดระดับความสูงคันหินทางเท้าบริเวณทางเข้า-ออกอาคารหรือซอยต่างๆ ให้สูง 10 เซนติเมตร จากเดิม 18.50 เซนติเมตร
- เปลี่ยนพื้นทางเท้าเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ด้วยคอนกรีตหนา 10 เซนติเมตร และเสริมเหล็ก 6 มิลลิเมตร
- ปรับทางเข้า-ออกอาคารให้มีระดับเสมอกับทางเท้า เพื่อให้ผู้ใช้ทางเท้าทุกคนสามารถผ่านได้อย่างต่อเนื่องและสะดวกสบาย
- ปรับทุกทางเชื่อมและทางลาดให้มีความลาดเอียง 1:12 ตามมาตรฐานสากล
- เพิ่มรูปแบบทางเลือกวัสดุปูทางเท้าเป็นแอสฟัลต์คอนกรีตพิมพ์ลาย
- เปลี่ยนช่องรับน้ำจากแนวตั้งให้เป็นแนวนอน เพื่อเพิ่มอัตราการไหลของน้ำ
- วางแนวทางการจัดตำแหน่งระบบสาธารณูปโภคบนทางเท้า เพื่อไม่ให้กีดขวางผู้ใช้ทางเท้า
- วางอิฐนำทาง (Braille Block) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการทางสายตา
- ปรับปรุงแบบคอกต้นไม้ด้วยวัสดุพอรัสแอสฟัลต์ เพื่อขยายพื้นที่ทางเท้าให้กว้างขึ้น