วานนี้ (10 พฤศจิกายน) ที่อาคารรัฐสภา เขตดุสิต ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมบรรยายในหัวข้อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติภายใต้แนวคิดเมืองหยุ่นตัว เนื่องในงานวันตระหนักรู้ภัยสึนามิโลก
ทวิดากล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำของกรุงเทพมหานครที่ผ่านมาว่า สิ่งหนึ่งที่หนักใจ ไม่ใช่น้ำเหนือและน้ำทะเลหนุน แต่เป็นน้ำฝน ตั้งแต่เข้ารับหน้าที่ในเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา กทม. พยายามจัดการระบบระบายน้ำระยะทางกว่า 3,000 กิโลเมตร ให้กลับมาระบายน้ำได้อย่างเต็มขีดความสามารถอีกครั้ง หลังจากที่มีการอุดตันก่อนหน้านี้ โดยท่อระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่สูงสุดไม่เกิน 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง
ทาง กทม. ได้ประสานงานกับหลายหน่วยงาน เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน ทหาร รวมทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเรื่องของข้อมูลและการบริหารจัดการระดับน้ำ ซึ่งการบูรณาการความร่วมมือกันทำให้สามารถบริหารจัดการได้
ทวิดากล่าวต่อว่า แต่ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีฝนตกหนักมาก เป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน ซึ่งจะเห็นได้ว่าเดือนกันยายนมีฝนตกไปแล้ว 28 วันจาก 30 วัน ค่าเฉลี่ยของน้ำฝนจนถึงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายน มีปริมาณมากกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี
มากกว่านั้น ในวันที่ 3 ตุลาคม ตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. เฉพาะเขตหลักสี่เขตเดียวมีปริมาณน้ำฝน 162 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง และต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ชั่วโมง มากกว่าขีดความสามารถของท่อระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ แนวทางในการบริหารจัดการจะสนใจเพียงแค่พื้นที่กรุงเทพมหานครไม่ได้ แต่ต้องคำนึงถึงจังหวัดใกล้เคียงด้วย
ทวิดากล่าวว่า หากพูดถึงเรื่องความปลอดภัย จะครอบคลุมไปถึงเรื่องของอาชญากรรม ยาเสพติด อุบัติเหตุ ความปลอดภัยจากโครงสร้าง ธรณีพิบัติภัย ภัยพิบัติที่เป็นสาธารณภัยทั้งหมด และโรคต่างๆ โดยต้องบูรณาการระหว่าง 7 ยุทธศาสตร์ ภายใต้แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) กับนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 216 ข้อ (9 ดี) เพื่อเป้าหมายใหญ่คือ เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน
ซึ่งในยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างเมืองปลอดภัยและหยุ่นตัวต่อวิกฤตการณ์ กทม. ได้ตั้งเป้าหมายปี 2566-2570 ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน โดยมุ่งเน้นการแก้-การเพิ่ม-การสร้าง คือทบทวนและแก้ไขข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร เพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการของหน่วยงานให้พร้อมรับกับวิกฤตการณ์ในทุกรูปแบบ และสร้างกลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความปลอดภัยและบริหารจัดการด้วยชุดข้อมูลความเสี่ยง เพื่อให้กรุงเทพฯ ปลอดอาชญากรรม ปลอดอุบัติเหตุ ปลอดภัยพิบัติ ปลอดจากอุบัติภัยจากสิ่งก่อสร้าง และเป็นเมืองสุขภาพดี
ทวิดาได้ยกตัวอย่างนโยบายที่หนุนเสริมเมืองหยุ่นตัวที่กำลังดำเนินการ เช่น การพัฒนาฐานข้อมูลดิจิทัลพื้นที่จุดเสี่ยงความปลอดภัย (Bangkok Risk Map) ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนได้เข้าถึงภายในเดือนธันวาคม โดยประชาชนจะสามารถดูแผนที่แสดงน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ แบบเรียลไทม์ ติดตามค่าฝุ่นละอองได้แม่นยำขึ้น เนื่องจากมีการเพิ่มเซ็นเซอร์ตรวจวัดฝุ่นให้มีจำนวนมากขึ้น ดูแผนที่แสดงศักยภาพดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพมหานครมีภาพรวมเป้าหมายร่วมของนโยบาย ได้แก่ ระบุความเสี่ยงและควบคุมแหล่งกำเนิดความเสี่ยง/มลพิษ พัฒนามาตรฐาน ลดขั้นตอน และเร่งกระบวนการให้บริการ เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับการให้บริการสาธารณะ ปรับปรุง/ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้หยุ่นตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุด ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน