วานนี้ (5 มกราคม) ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงมาตรการป้องกันโควิดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในหลายประเทศที่จะเข้ามา ซึ่งทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เข้าประชุมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไปแล้ว แต่ทั้งนี้ต้องรอข้อกำหนดทาง สธ. โดยทาง กทม. ได้ให้ความเห็นไว้แล้ว และพร้อมที่จะปฏิบัติตามนโยบายในภาพรวม
ทวิดากล่าวต่อไปว่า ทาง กทม. เฝ้าระวังสถานการณ์ในเรื่องของการที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศโดยตลอด ไม่ใช่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนจำนวนมาก ดังนั้นการกระชับมาตรการให้แน่นหนาขึ้นก็เป็นแนวทางที่จะต้องทำ ทางกระทรวงสาธารณสุขพยายามเต็มที่ในการหาแนวทางบริหารจัดการนักท่องเที่ยวให้ได้ตั้งแต่ต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นที่สุวรรณภูมิหรือดอนเมือง ซึ่ง กทม. เป็นเขตติดต่อที่จะช่วยดูแล โดยมี สธ. ดูแลทั้งประเทศ
ตอนนี้ กทม. เริ่มประสานงานร่วมกันระหว่าง กทม. กับ สธ. จัดวัคซีนป้องกันโควิดสำหรับผู้ที่ขับรถสาธารณะทั้งหมด โดย สธ. จะให้โควตามา เพื่อที่ให้เป็นบูสเตอร์เข็ม 3 เข็ม 4 ให้เร็วที่สุด ดังนั้นประชาชนในกรุงเทพฯ ที่ใช้บริการรถสาธารณะอยู่ก็จะสามารถปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน กทม. ได้ให้ความเห็นกรณีที่มีหลายประเทศต้องการให้การเดินทางกลับของนักท่องเที่ยวมีผล RT-PCR ล่วงหน้า 48 ชั่วโมงว่า กรณีที่ประเทศใดที่ให้ตรวจ RT-PCR ก่อนกลับ จะต้องให้มีการซื้อประกันระยะสั้น เพื่อจะมีค่าบริหารจัดการ ซึ่งทาง สธ. เห็นว่าเป็นข้อเสนอที่ดีและจะไปบริหารจัดการต่อ เพราะยังมีรายละเอียดในเรื่องค่อนข้างเยอะถ้าจะทำแบบนี้
ทวิดากล่าวต่อไปว่า ส่วนสุดท้ายเป็นเรื่องของการประสานข้อมูลในพื้นที่ของฝั่ง กทม. ปกติ กทม. มีศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ฉุกเฉินทางสุขภาพของ กทม. ที่ทำมาตลอดอยู่แล้ว โดยในวันอังคารหน้า (10 มกราคม) จะได้มาตรการในเชิงรายละเอียดของ สธ. เพื่อนำมาปรับใช้กับพื้นที่ ซึ่งทาง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้มอบให้ทุกสำนักงานเขตเริ่มเก็บข้อมูลว่านักท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่เขตไหนที่มีความเป็นกลุ่มก้อนเยอะ และมีกิจกรรมอะไรบ้าง เพื่อให้สามารถติดตามพัฒนาการหากมีการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการประสานผู้ประกอบการด้วย
ทั้งนี้ ทาง สธ. อยากให้ กทม. เน้นเรื่องมาตรการต่างๆ ที่เคยทำมา เช่น SHA Plus ของสถานประกอบการให้มีความรัดกุมขึ้น ซึ่ง กทม. จะพูดคุยกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและผู้ประกอบการต่างๆ เพื่อที่จะทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน สุดท้ายศูนย์ประสานงานที่กำลังจะตั้ง ทั้งของ สธ. และศูนย์ประสานงานระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม และ สธ. ที่ได้ขอให้ทาง กทม. เข้าร่วมด้วย ในฐานะผู้สนับสนุนและเจ้าของพื้นที่