วันนี้ (22 มีนาคม) พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตามที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ร่วมกับกองทุนสัตว์ป่าโลก (World Wildlife Fund: WWF) ประเทศไทย และภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนรวมถึงประชาชน เห็นความสำคัญของปัญหาภาวะโลกร้อน ด้วยการรณรงค์ให้ผู้ประกอบการและอาคารบ้านเรือนร่วมกันปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นเป็นเวลา 1 ชั่วโมง โดยในปีนี้กำหนดจัดกิจกรรม ‘ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour 2022)’ ในวันเสาร์ที่ 26 มีนาคม 2565 ณ บริเวณสกายวอล์กช่องนนทรี เขตสาทร
พร้อมรณรงค์และเชิญชวนประชาชน บริษัท ห้างร้าน ผู้ประกอบการ และร้านค้า ลดการใช้พลังงานและปิดไฟที่ไม่จำเป็น เช่น ไฟประดับ ไฟอาคาร ป้ายโฆษณา การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ลดการใช้เครื่องปรับอากาศในอาคารบ้านเรือนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมกับเมืองต่างๆ กว่า 190 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่เวลา 20.30-21.30 น.
และสามารถแชร์การมีส่วนร่วมในกิจกรรมด้วยการติดแฮชแท็กคำว่า #EarthHour #Connect2Earth #ShapeOurFuture #อนาคตเราสร้างได้ บนโซเชียลมีเดียของตนเอง เพื่อเป็นการแสดงพลังให้รับรู้ถึงความตั้งใจของประเทศไทยในการช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.อ. อัศวินกล่าวต่อไปว่า จากการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเชิญชวนทุกภาคส่วนปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น 1 ชั่วโมง มาตั้งแต่ปี 2551-2564 สามารถลดกระแสไฟฟ้าได้ 22,398 เมกะวัตต์ ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 12,235.40 ตัน คิดเป็นมูลค่า 80.90 ล้านบาท และสำหรับปี 2564 ที่ผ่านมา กทม. ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย 25 หน่วยงาน ประกาศเจตจำนงร่วมดำเนินการลดภาวะโลกร้อนใน 4 ด้าน ประกอบด้วย
- ด้านการขนส่งมวลชน
- ด้านพลังงาน
- ด้านพื้นที่สีเขียว
- ด้านการจัดการขยะมูลฝอย
ส่วนผลการดำเนินงานสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในด้านต่างๆ ดังนี้
- ด้านขนส่งมวลชนลดได้ 419.6 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
- ด้านพลังงานลดได้ 14,288.4 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
- ด้านพื้นที่สีเขียวลดได้ 3,203.9 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
- ด้านการจัดการมูลฝอยลดได้ 5,916.9 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ซึ่งในปี 2565 กทม. ยังคงสานต่อการดำเนินการ 4 ด้านดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ภาคีเครือข่าย ทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน ประชาชน ในพื้นที่ กทม. ทั้ง 50 เขต มากกว่า 100 แห่ง และเจ้าของอาคารบ้านเรือนในถนน 100 สาย ยังได้ร่วมปิดไฟตามอาคาร ตึกสูง และบ้านเรือนในวันดังกล่าว พร้อมกับการปิดไฟเชิงสัญลักษณ์ในสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์กของ กทม. 5 สถานที่หลัก ซึ่งประกอบด้วย
- วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พระบรมมหาราชวัง
- วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
- เสาชิงช้า
- สะพานพระราม 8
- ภูเขาทอง (วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร)
พล.ต.อ.อัศวินกล่าวในตอนท้ายว่า กทม. หวังว่ากิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อนจะเป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความร่วมมือ ที่จะนำไปสู่การผลักดันให้ทุกภาคส่วนในประเทศไทยเห็นความสำคัญในการลดภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับนานาประเทศทั่วโลก การแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ที่ความร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติอย่างง่ายๆ แต่จริงจังในทุกวัน เช่น ใช้ไฟฟ้าเท่าที่จำเป็น ถอดปลั๊กไฟทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน การปลูกต้นไม้ ลดการใช้พลังงาน เปลี่ยนวิธีเดินทางมาเป็นการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ การเดิน หรือการขี่จักรยาน ลดการสร้างขยะ ซึ่งความร่วมมือเล็กๆ แต่เมื่อทำบ่อยครั้งจะเป็นพลังในการลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้อย่างยั่งยืน