วันนี้ (17 มกราคม) ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 3) ประจำปีพุทธศักราช 2567 มี วิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เสนอญัตติขอความเห็นชอบในโครงการการรับมอบงานทรัพย์สินระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2
ชัชชาติกล่าวว่า โครงการนี้เริ่มก่อนที่ฝ่ายบริหารและสภากรุงเทพมหานครชุดนี้จะเข้ามา และมีปัญหาหลายส่วน การแก้ไขจำเป็นต้องยึดประโยชน์ของกรุงเทพมหานครและประชาชนเป็นหลัก สำหรับร่างข้อบัญญัติขอจ่ายเงินสะสมจ่ายขาดสะสมเพื่อแก้ไขปัญหา จะพยายามนำเข้าสู่ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครพิจารณาให้เร็วที่สุด
จากนั้นชัชชาติได้รายงานไทม์ไลน์ของโครงการ พร้อมอธิบายส่วนต่างๆ ในโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย 2 สรุปภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ, แนวทางในการรับมอบงานระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) (Electrical and Mechanical Works: E&M), เหตุผลความจำเป็นในการรับมอบ, ปริมาณผู้โดยสารและรายได้ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 1.5 ล้านเที่ยวต่อวัน และข้อพิจารณาที่นำเสนอต่อสภากรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้มีหนังสือแจ้งต่อกระทรวงมหาดไทยขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบการสนับสนุนงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาว่าการขอสนับสนุนงบประมาณดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน
ซึ่งหากกรุงเทพมหานครรับผิดชอบในส่วนใดก็ให้ดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนนั้นไปได้ตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ต้องรอการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล ส่วนกรณีนอกเหนือจากจำนวนเงินดังกล่าว หากกรุงเทพมหานครมีความประสงค์จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลเป็นจำนวนเท่าใดก็ให้เสนอมาอีกครั้ง
กรุงเทพมหานครเห็นว่าทรัพย์สินงานระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) ถือว่ามีความสำคัญ หน่วยงานภาครัฐควรเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวถือเป็นหัวใจสำคัญ และมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้รถไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนและให้บริการเดินรถได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ขึ้นว่าเอกชนรายใดจะเป็นผู้ให้บริการเดินรถ และหากกรุงเทพมหานครได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แล้วจะทำให้เอกชนอ้างสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินดังกล่าวไม่ได้ และปัจจุบันทรัพย์สินนั้นได้ติดตั้งแล้วเสร็จและครบกำหนดชำระแล้ว
และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ได้เจรจาต่อรองกับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โดยกำหนดเงื่อนไขหากชำระภายในวันที่ 4 เมษายน 2567 จะมีกรอบวงเงินรวมจำนวน 23,488,692,165.65 บาท ประกอบกับแนวทางการร่วมลงทุนที่กรุงเทพมหานครดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2562 ลงวันที่ 11 เมษายน 2562 ยังไม่มีความชัดเจนและยังไม่ได้ข้อยุติจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งอาจทำให้เกิดการฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้
รวมถึงคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สภากรุงเทพมหานคร ได้ศึกษาแล้วเห็นว่างานติดตั้งระบบการเดินรถ (E&M) เป็นทรัพย์สินที่สามารถแยกออกมาดำเนินการได้ ซึ่งปัจจุบันได้ถึงกำหนดชำระเงินแล้ว หากไม่มีการแก้ไขปัญหาในส่วนนี้จะเกิดภาระดอกเบี้ยและค่าปรับจำนวนมาก กรุงเทพมหานครจึงมีแนวทางในการชำระค่างานติดตั้งระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) ดังนี้
- กรุงเทพมหานครเสนอต่อสภากรุงเทพมหานครเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในโครงการรับมอบงานทรัพย์สินระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 โดยมีกรอบวงเงินรวมจำนวน 23,488,692,165.65 บาท
- หากได้รับความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานครแล้ว กรุงเทพมหานครจะรายงานต่อกระทรวงมหาดไทยและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบให้กรุงเทพมหานครชำระค่างานซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) เนื่องจากปัจจุบันการดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2562 ลงวันที่ 11 เมษายน 2562 ยังไม่ได้ข้อยุติ
- หากคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว กรุงเทพมหานครจะจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมโดยจ่ายขาดจากเงินสะสมของกรุงเทพมหานคร เสนอต่อสภากรุงเทพมหานครเพื่อพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครพิจารณาให้ความเห็นชอบในโครงการรับมอบงานทรัพย์สินระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 นี้แล้ว กรุงเทพมหานครจะดำเนินการตามแนวทางที่เสนอสภากรุงเทพมหานครพิจารณาต่อไป
ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบโครงการฯ ตามที่ผู้ว่าฯ กทม. เสนอ และจะได้ส่งให้ฝ่ายบริหารพิจารณาดำเนินการต่อไป