‘บ้าน’ ไม่เพียงเป็นสถานที่เพื่ออยู่อาศัยและใช้ชีวิตเท่านั้น แต่ยังถือเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จที่คนทุกคนต่างต้องการเพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่แลกมาด้วยความพยายาม และก้าวข้ามบททดสอบต่างๆ มามากมาย
บ้านคือวิมานเสมอ
ทุกวินาทีที่ใช้ชีวิตในบ้านมีคุณค่าเสมอ การบริหารจัดการประสบการณ์เชิงบวกจึงถือเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดสำหรับ SC Asset ในการดูแลความสุขของผู้อยู่อาศัยนับตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบไปจนถึงส่งมอบบ้านถึงมือของลูกบ้าน และนี่คือเรื่องเล่าจากแบรนด์ Bangkok Boulevard ที่ร้อยเรียงทุกความใส่ใจผ่านมุมของ ‘ณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์’ Head of Marketing ของ SC Asset กับบทความพิเศษนี้
Bangkok Boulevard วาดภาพจำในหัวใจของลูกค้า SC Asset
“ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ถ้าถามลูกค้าว่าจำแบรนด์ของ SC Asset ได้หรือไม่ ลูกค้าก็จะนึกถึงแบรนด์ Bangkok Boulevard ได้ดี บางทีจะจำได้มากกว่าตัวแบรนด์ SC Asset เองด้วยซ้ำ ถ้าย้อนไป 5-6 ปีที่แล้วนี่คือแบรนด์ที่เปรียบเหมือนเรือธง (Flagship) ของเรา ราคาของบ้านจะอยู่ที่ 8-20 ล้านบาท ที่จริงเราทำที่อยู่อาศัยทุกระดับราคา Bangkok Boulevard เป็นแบรนด์ที่โดดเด่นและทำให้ผู้คนรู้จักเรา จากนั้นก็พัฒนาไปเป็น Grand Bangkok Boulevard ที่พรีเมียมมากขึ้น ส่วนเซกเมนต์ที่เป็นตลาดที่ใหญ่ขึ้น เราก็มีทั้ง Pave หรือ Verve เพื่อมาตอบโจทย์ และรองรับการเติบโตของบริษัท”
ณัฏฐกิตติ์เล่าด้วยความภูมิใจ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่เคยหยุดนิ่ง เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด การทำการตลาดจึงต้องคำนึงถึงรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้ามากกว่ากรอบความคิดแบบเดิมด้วย
“ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มีรองเท้าเยอะ ผู้ชายสมัยนี้ก็มีรองเท้าเยอะเหมือนกัน หลายโครงการของเราจะใช้แนวคิด 100 Shoes หรือรองเท้าร้อยคู่ เราออกไปคุยกับลูกค้า เขาก็บอกว่าบ้านเขามีรองเท้าไม่ต่ำกว่าร้อยคู่ ทั้งที่อยู่สองคนกับลูกนะ พอไปดูก็เยอะจริงๆ ทุกวันนี้เราซื้อรองเท้าผ้าใบกันปีหนึ่งหลายคู่ ไม่ใช่แค่ผู้ชาย ผู้หญิงก็ใส่ นอกจากรองเท้าส้นสูงดีๆ แล้ว ก็ยังมีรองเท้าผ้าใบสวยๆ ไว้ด้วย เราจึงเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บรองเท้าเอาไว้ให้”
นอกจากความเข้าใจและรู้ใจ สิ่งที่แบรนด์ Bangkok Boulevard ให้ความสำคัญสูงสุดคือความปลอดภัยของลูกบ้าน ในโครงการจะมีระบบรักษาความปลอดภัย 3 ชั้น (Triple Security) โดยชั้นแรกเป็นประตูด้านหน้าสุดของโครงการ ซึ่งบุคคลภายนอกต้องแลกบัตรและเข้ามาได้ถึงพื้นที่คลับเฮ้าส์เท่านั้น และจะพบกับประตูชั้นที่สองซึ่งเป็นส่วนของที่อยู่อาศัย ซึ่งจะถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกครั้ง ขณะเดียวกันลูกบ้านสามารถขับรถผ่านเข้ามาด้วยระบบ RFID ซึ่งทำให้ชีวิตสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องแตะการ์ดหรือแสดงตัวตนใดๆ จากนั้นเมื่อถึงบ้าน ยังมีระบบสัญญาณกันขโมยในตัวบ้านเป็นการดูแลความปลอดภัยชั้นที่ 3 ซึ่งทุกจุดสำคัญในโครงการจะติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้เพื่อการดูแลอย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ SC Asset ตอบโจทย์ชีวิตในยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ด้วยแอปพลิเคชัน ‘บ้านรู้ใจ’ ซึ่งลูกบ้านสามารถแจ้งซ่อมหรือติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน คาดว่าลูกบ้านทุกหลังจะได้ใช้ครบทั้งหมด 2 หมื่นครอบครัวในช่วงต้นปี 2562 ขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบใช้ใน 2 โครงการ ซึ่งการติดต่อกลับหลังจากได้รับแจ้งจะทำอย่างรวดเร็วตามมาตรฐาน SC Asset คือไม่เกิน 4 ชั่วโมงนับจากได้รับแจ้ง และทีมก็พร้อมติดต่อกับลูกค้าตลอดเวลา
“โครงการของ Bangkok Boulevard ไม่ได้เป็นแค่บ้าน แต่คือชุมชนที่ดี เรามีกิจกรรมให้ลูกบ้านได้มีปฏิสัมพันธ์ ได้รู้จักกันแบบคนบ้านใกล้เรือนเคียง เป็นสังคมแบบสร้างมิตรชิดรั้ว จริงอยู่ที่บ้านมีรั้วกั้น แต่เราเอารั้วกั้นในใจของพวกเขาออก พื้นที่ส่วนกลางเราก็ทำเพื่อการใช้ชีวิตร่วมกัน เพิ่มพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้น ลูกบ้านก็มาทำกิจกรรมที่หลากหลายได้มากขึ้น”
แม้ปัจจุบันสมาชิกของบ้านแต่ละหลังมีจำนวนน้อยลงกว่าสมัยก่อน แต่ณัฏฐกิตติ์เชื่อว่าผู้คนยังคงมองหาและต้องการครอบครองบ้านเดี่ยวอยู่เสมอ เหมือนกับอีกหลายวัฒนธรรมทั่วโลกที่ให้คุณค่ากับการมีที่อยู่อาศัยที่ดีเป็นของตนเอง
“ด้วยค่านิยมของคนไทย การมีบ้านเดี่ยวสักหลังคือความสำเร็จของชีวิต มันคือสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง บางบ้านอยู่กันสองคน ไม่มีลูก แต่มีสัตว์เลี้ยง บ้านเดี่ยวก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทุกวันนี้คนซื้อไลฟ์สไตล์ไม่ใช่แค่ซื้อบ้าน แต่ต้องการความสะดวกมากขึ้น บางคนต้องการพื้นที่ครัวลดลงเพราะไม่ได้ประกอบอาหารเอง เดี๋ยวนี้สั่งอาหารออนไลน์ก็ได้ ปั่นจักรยานไปซื้อเองก็ได้ ก็ปรับเป็นพื้นที่เพื่อใช้ชีวิตรูปแบบอื่นแทน”
กลุ่มเป้าหมายหลักของ Bangkok Boulevard อาจไม่ใช่กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงานหรือซื้อบ้านหลังแรก แต่เป็นผู้ที่เติบโตก้าวหน้าในกิจการของตนเองแล้วอายุ 30 ปีขึ้นไป อาจเป็นผู้บริหารหนุ่มสาวที่ลูกๆ เริ่มโตและเข้าโรงเรียนแล้ว ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น พร้อมกับยกระดับการใช้ชีวิตในโครงการที่ดีขึ้น แต่ก้าวจากนี้ทาง SC Asset ก็ตั้งใจจะพัฒนาโครงการให้ดูทันสมัยและโดนใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น
“เราทำ Bangkok Boulevard ให้รูปแบบยังคงหรูหรามีระดับ แต่สไตล์จะดูเด็กลง บ้านบางแบบจะปรับส่วนของห้องแม่บ้านออกไป เพราะอาจจะไม่จำเป็นกับบางครอบครัว แบบบ้านแบบเดียวก็อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนหรือทุกครอบครัว (One-size not fit all) เราจึงออกแบบให้ตรงใจลูกค้าทุกคน เรามีการทำ Reseach และมีทีมพัฒนาแบบบ้านอยู่เสมอ
“ทุกวันนี้เรามีระบบบนแอปพลิเคชัน Fixzy ถ้าลูกบ้านต้องการแม่บ้านทำความสะอาดหรือต้องการเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมปั๊มน้ำ ก็สามารถเรียกผ่านแอปฯ ได้เลย นี่เป็นสิ่งที่เราลงทุนกับสตาร์ทอัพที่มีวิสัยทัศน์ ส่วนนี้มีค่าบริการแต่ก็ถือว่าคุ้มกับเงินที่จ่ายไป เรามีศูนย์อบรมร่วมกับซัพพลายเออร์ที่จะให้ความรู้กับช่างมืออาชีพ”
ด้วยแนวคิดที่เอาใจใส่และลงรายละเอียด การบอกต่อของกลุ่มลูกบ้านสำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยของ SC Asset จึงอยู่ในระดับที่ดี และเกิดเป็นเครือข่ายสังคมที่อบอุ่นทุกครั้งที่เปิดตัวโครงการ รวมถึงผลตอบรับของโครงการใหม่ของ Bangkok Boulevard ที่กำลังทำตลาดในตอนนี้
เปิด 3 โครงการโซนตะวันออก พื้นที่ศักยภาพเพื่อก้าวที่เติบโตของชีวิต
ณัฏฐกิตติ์ให้ข้อมูลว่า ช่วงไตรมาส 4 ของปี 2561 SC Asset ได้เปิดตัว Bangkok Boulevard 3 โครงการบนพื้นที่โซนตะวันออกได้แก่ 1. โครงการ Bangkok Boulevard ศรีนครินทร์-บางนา มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท บ้าน 200 ยูนิตบนพื้นที่กว่า 55 ไร่ 2. โครงการ Bangkok Boulevard พระราม 9 มูลค่าโครงการ 1.35 พันล้านบาท บ้าน 108 ยูนิต บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ และ 3. โครงการ Bangkok Boulevard รามอินทรา-เสรีไทย มูลค่าโครงการ 415 ล้านบาท บ้าน 31 ยูนิต บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ รวม 3 โครงการมูลค่าเกือบ 4 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นก้าวที่สำคัญของ SC Asset
“พื้นที่โซนตะวันออกมีศักยภาพสูงมาก เพราะว่าแนวทางการพัฒนาเมืองไปในบริเวณนั้น ทั้งเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอย่างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างก็ให้ความสำคัญกับพื้นที่นี้ อย่างโครงการของเราตรงถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ใช้ถนนเส้นพระราม 9 จะไปโรงพยาบาลสมิติเวชหรือออกถนนศรีนครินทร์ก็สะดวก ทำเลโดดเด่นมาก ขณะที่โครงการที่ศรีนครินทร์ จะอยู่ห่างจากถนนศรีนครินทร์เพียงกิโลเมตรกว่าๆ มีห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์รายรอบ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองก็จะผ่านด้วย”
สำหรับรูปแบบของบ้าน SC Asset คำนึงถึงวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศของเมืองไทย บ้านจึงควรสูงโปร่ง อยู่สบาย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของทั้ง 3 โครงการ ก่อนหน้านี้ ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SC Asset ได้พาทีมไปดูงานที่ประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวีย ตั้งแต่เดนมาร์กจนถึงไอซ์แลนด์ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจได้ดี จึงนำรูปแบบของหลังคาโปร่งมาปรับใช้ให้เข้ากับสภาพอากาศที่ร้อนของเมืองไทย
“เพดานห้องนอนเราออกแบบให้สูงมากกว่า 4 เมตร เวลาที่อยู่ในห้องจะรู้สึกโปร่งสบาย มีแสงเข้า เราดัดแปลงแนวบ้านแบบนอร์ดิก (Nordic) มาใช้ในการออกแบบ ซึ่งถือเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงทั้งในยุโรปหรืออเมริกา เราเป็นที่แรกที่นำเอาสไตล์การออกแบบดังกล่าวมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย ใช้ทั้งส่วนของตัวบ้าน สวนส่วนกลาง หรือกระทั่งคลับเฮ้าส์ ก็จะช่วยทำให้โครงการดูโดดเด่น อย่างโครงการพระราม 9 รูปแบบก็จะเป็นจั่วทรงสูง ห้องฟิตเนสมีเพดานที่สูงขึ้น และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ Bangkok Boulevard จะออกแบบให้แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของทำเล เราพิถีพิถันเรื่องนี้มาก มั่นใจได้ว่าคลับเฮ้าส์ของโครงการนั้นจะไม่ซ้ำกับคลับเฮ้าส์ของโครงการนี้”
สำหรับพื้นที่ชั้นหนึ่งคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวด้วยการออกแบบ Double Living รองรับพื้นที่สำหรับแขกที่มาเยี่ยม และสามารถกั้นพื้นที่เป็นห้องนั่งเล่นของคนในบ้านแยกออกมาได้ ถือเป็นพื้นที่การสร้างความอบอุ่นของครอบครัว ขณะที่พื้นที่จอดรถสามารถจอดได้ถึง 3 คัน เพียงพอต่อความต้องการของชีวิตคนเมือง
“โครงการที่พระราม 9 เราทำ Walk-in Closet แยกออกมาต่างหากเพื่อลูกค้าผู้หญิง ข้างหน้าเป็นห้องนอน ข้างหลังจะเป็นห้องแต่งตัว เดี๋ยวนี้ลูกค้ามีความต้องการที่มากขึ้น ห้องแต่งตัวของบางคนเขาก็จัดแสงเอาไว้ถ่ายรูปหลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้ว นี่คือชีวิตจริงของลูกค้าเรา ขณะที่บางคนก็ดัดแปลงเป็นห้องฟิตเนส ใช้วางเครื่องออกกำลังกายก็มี เพราะบางทีเครื่องออกกำลังกายเอาไว้ชั้นล่างก็จะเกะกะ”
บ้านในแต่ละยุคสมัยแตกต่างกันออกไปตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด แต่สิ่งที่ยังคลาสสิกและใช้ได้เสมอคือ ความเข้าใจในความต้องการของผู้อยู่อาศัย เดิมนั้นผู้คนรับรู้ลักษณะของบ้านเดี่ยวที่มีหลายห้องนอนเพื่อรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ แต่บ้านเดี่ยวในปัจจุบันจะแตกต่างออกไป และผู้อยู่อาศัยก็สนใจเรื่องความสุขของตนเองมากขึ้น
“โครงการใหม่นี้มีสิ่งที่พิเศษเยอะเลย อย่างห้องนอนใหญ่ด้านบนจะมีห้องนั่งเล่นในตัว เวลาที่คุณผู้ชายดูบอล คุณผู้หญิงสามารถทำกิจกรรมของตัวเองได้โดยที่ไม่รบกวนกัน แม้จะเป็นสามีภรรยาแต่ก็ยังต้องการพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง ในห้องน้ำก็จะแยกส่วนอาบน้ำออกมา สิ่งที่สำคัญและถือเป็นเสน่ห์ของ Bangkok Boulevard คือห้องพักผ่อนชั้นบน มีห้องพ่อแม่แยกฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งก็เป็นห้องของคุณลูก เราเลือกคั่นตรงกลางด้วยห้องพักผ่อน จะเอาไว้ดูโทรทัศน์ หรือสำหรับครอบครัวที่อยากให้ลูกอยู่ห้องนอนใหญ่ๆ ก็สามารถปรับเป็นห้องนอนใหญ่ได้เลย ซึ่งห้องนอนทั้งสองห้องมีห้องน้ำในตัวอยู่แล้ว”
และ SC Asset ก็ยังไม่เคยหยุดคิดถึงก้าวต่อไปที่ดีกว่าเสมอ
การสร้างประสบการณ์ทางบวกให้กับลูกค้า (Customer Experience) เป็นพื้นฐานที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง และนำไปสู่ความผูกพันที่มีต่อแบรนด์ (Engagement) ในที่สุด คือเป็นเป้าหมายสูงสุดของการทำธุรกิจที่ลูกค้ายังใช้งาน บอกต่อ และช่วยส่งเสริมแบรนด์จนเข้มแข็งจากใจของพวกเขาเอง
เหมือนกับที่ลูกบ้าน Bangkok Boulevard มีเสมอมา
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์