ธนาคารกรุงเทพเปิดกำไรสุทธิครึ่งแรกของปี 2567 ที่ 22,330 ล้านบาท เติบโต 4.2% อานิสงส์รายได้ดอกเบี้ยพุ่งจากสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อต่างประเทศที่ยังเติบโตดี พร้อมมองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังฟื้นตัว รับแรงหนุนจากท่องเที่ยว-ส่งออก
ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า ในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากอุปสงค์ภายในประเทศ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐ และจากการส่งออกของไทยที่ปรับตัวขึ้นตามการเร่งซื้อสินค้าและการย้ายฐานมาส่งออกจากไทย
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างชาติ และการเบิกจ่ายของภาครัฐเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ยังคงต้องติดตาม ได้แก่ ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงเนื่องจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งอาจทำให้แนวนโยบายทางการค้าและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลกเปลี่ยนแปลงจากเดิม
แม้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางขยายตัว การดำเนินกิจการของภาคธุรกิจยังคงเผชิญความท้าทายจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อบริบทโลกให้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลเพิ่มขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายและกฎเกณฑ์ของทางการ
ธนาคารกรุงเทพในฐานะ ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ ยังคงมุ่งเน้นให้คำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ โดยส่งเสริมการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนการสร้างพันธมิตรในระบบนิเวศทางธุรกิจ และการลงทุนใหม่ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสนับสนุนลูกค้าให้ได้ประโยชน์จากโอกาสในการขยายกิจการไปยังต่างประเทศ
ในขณะเดียวกันธนาคารยังคงยึดมั่นแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) โดยให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและการเติบโตอย่างยั่งยืน
กำไรสุทธิครึ่งแรกปี 2567 จำนวน 22,330 ล้านบาท
ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิสำหรับงวดแรกปี 2567 จำนวน 22,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 8.1% ตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อและการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิกับต้นทุนเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 3.05%
สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมที่ยังคงเติบโตดี ขณะที่กำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ลดลงตามสภาวะตลาด
สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดแรกของปีก่อนจากการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 45.6% ในงวดแรกของปี 2567 ธนาคารตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 19,007 ล้านบาท โดยพิจารณาภายใต้หลักความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง
ธนาคารกรุงเทพยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะทางการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุน ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
สินเชื่อโต 1.8% ส่วน NPL อยู่ที่ 3.2%
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,719,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% จากสิ้นปีก่อน ส่วนใหญ่จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศ
สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.2% ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 282.5% เป็นผลจากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง
ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 จำนวน 3,184,856 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 85.4% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 19.5%, 16.1% และ 15.3% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด