จากกรณีที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ออกประกาศ เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถานหรือสถานพำนัก ผู้ฝ่าฝืนเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน เป็นต้นไป
ล่าสุด วันนี้ (26 เมษายน) ฝ่ายกฎหมายของ กทม. เปิดเผยว่า กรณีขับรถหรืออยู่ในรถคนเดียว ไม่ใส่หน้ากากอนามัยได้ แต่ถ้ามีคนอื่นนั่งมาด้วย ต้องใส่หน้ากากอนามัย ฝ่าฝืนจะถูกโทษปรับตามกฎหมายสำหรับผู้ไม่ใส่หน้ากากอนามัย
ทางสำนักประชาสัมพันธ์ กทม. ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เจตนาในการประกาศคือการป้องกันการติดต่อของโรคจากบุคคลไปสู่บุคคล ดังนั้นเมื่อมีบุคคลอื่นอยู่ในรถด้วย จึงต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ไม่ยกเว้นแม้เป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรคและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
และกรณีนั่งคนเดียว จึงอนุโลมได้ว่าไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย รวมถึงการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในอาคารหรือที่ต่างๆ ด้วย จะต้องสวมหน้ากากอนามัย สำหรับในที่สาธารณะต้องใส่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือไม่ เพราะบุคคลอื่นอาจมาใช้สถานที่นั้นต่อ