×

ขี้เกียจให้ถึงแก่นที่บางกะเจ้า โอเอซิสใกล้กรุงสำหรับคนกระหายธรรมชาติ

05.07.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • บางกะเจ้า จุดหมายปลีกวิเวกในดงไม้เขียวที่ใกล้กรุงเทพฯ แค่เอื้อม ขับรถไปได้ หรือโดยสารรถไฟฟ้าไปลงสถานีบางนา แล้วข้ามเรือไปอีกฟากฝั่งด้วยสตางค์เพียง 4 บาท  
  • หลับสบายที่บ้านมะขาม ที่พักใหม่เอี่ยม สงบสงัดในเรือนไม้ยกสูงเหนือท้องร่องสวน หยิบยืนฐานรถบรรทุกเป็นไอเดียส่วนหนึ่งของโครงสร้าง เพื่อรุกรานธรรมชาติให้น้อยที่สุด

สำหรับนักเดินทางผู้ไม่ค่อยจะถูกใจอะไรง่ายๆ แถมยังเป็นคนงานมากธุระเยอะ หากก็ยังไม่วายกระหายการปลีกวิเวกสักวันสองวัน ครั้นจะให้ไปไกลก็เหนื่อยตั้งแต่ยังไม่จัดกระเป๋า เมื่อสรุปเงื่อนไขประดามีในหัวแล้วก็พบว่า สิ่งที่ต้องการคือจุดหมายใกล้กรุง แต่ธรรมชาติต้องมี ตัวตนของสถานที่ต้องมา และแม้จะขี้เรียกร้องขนาดนี้ ก็ไม่ใช่ว่าสถานที่แบบนั้นจะไม่มีอยู่จริง

 

อย่าเพิ่งร้องเบื่อเมื่อเราเฉลยว่าจุดหมายนั้นอยู่ที่บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ เข้าใจแหละว่าใครๆ คงได้ยินมาจนชินหูว่าบางกะเจ้านั้นเปรียบเสมือนปอดของกรุงเทพฯ ต้นไม้ขึ้นเขียวครึ่ด อากาศดีหายใจสบายจมูกกว่าในเมืองกรุง ทั้งที่ห่างกันเพียงแม่น้ำกั้น แล้วก็เข้าใจว่า คนส่วนใหญ่ก็คงพอรู้มาบ้างว่าบางกะเจ้าเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งบนคุ้งน้ำเจ้าพระยา เส้นทางไหลที่คดโค้งของแม่น้ำ โอบสร้างรูปทรงให้บางกะเจ้าหน้าตาคล้ายกระเพาะหมู พื้นที่โดยรวมเกือบ 12,000 ไร่ ครอบคลุม 6 ตำบล ได้แก่ บางกะเจ้า บางน้ำผึ้ง บางกอบัว บางกระสอบ บางยอ และทรงคนอง

 

 

ในกระเพาะหมูนี้ คณะรัฐมนตรีลงมติให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์สีเขียวมาตั้งแต่ พ.ศ. 2520 เหมาะแก่การเพาะปลูก อาคารหรือตึกสูงเกินกว่าข้อกำหนดไม่ได้รับอนุญาตให้ลงเสาเข็มที่นี่ ซึ่งธรรมชาติของบางกะเจ้าก็ดีเหลือใจ ผ่านมาหลายสิบปีจนถึง พ.ศ. 2549 นิตยสาร Time ก็ยังยกให้บางกะเจ้าเป็น The Best Urban Oasis of Asia เสียอีก และตราบจนถึงวันนี้ บางกะเจ้าก็ยังต้องต้อนรับคนกระหายธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ ถนนแคบๆ ที่ลัดเลาะท่ามกลางต้นไม้ที่ขึ้นขนาบสองข้างทางก็ค่อนข้างจะแออัดไปด้วยนักปั่นจักรยาน มอเตอร์ไซค์ของคนในพื้นที่ และมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่วิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวในกระเพาะหมู

 

แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าธรรมชาติและความเรียบง่ายซึ่งเป็นเสน่ห์ของบางกะเจ้า จะโดนสิ่งใดๆ มาปรุงแต่งจนเกินงาม คนรักความสงบ และไม่ถูกจริตกับไม้เซลฟีอย่างยิ่งยวด ยังคงสามารถหาพื้นที่เงียบๆ ให้สายตาได้พบปะกับต้นไม้ใบเขียว ยังคงมีมุมให้หูได้ฟังเสียงใบไม้ส่ายไหวตามแรงลม และยังคงมีที่หลบภัยสำหรับวันพักที่ต้องการการไม่ทำอะไรทั้งสิ้นทั้งปวง นอกจากนอนขี้เกียจเพียงอย่างเดียว

 

บ้านมะขาม คือที่พักแห่งใหม่ของบางกะเจ้า วางตัวอยู่ในเขตตำบลบางน้ำผึ้ง หน่วยย่อยของกระเพาะหมูอีกที ที่นี่เปิดตัวเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มมาได้สักพักแล้ว ทว่าเพิ่งเปิดเป็นโรงแรมเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง ที่พักแห่งนี้เข้าตาเราโดยบังเอิญในวันหนึ่ง ขณะไถหน้าจอโทรศัพท์สำรวจโลกโซเชียล ภาพฟูกขาวบนยกพื้นสูงในบ้านไม้ที่รอบด้านแน่นขนัดด้วยไม้ใหญ่ ปลอบประโลมใจร้อนๆ ของเราให้เย็นลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ และดึงดูดให้อยากเห็นของจริงขึ้นมาทันที

 

 

ไม่กี่วันถัดมา เราก็สะพายเป้เบาๆ ที่ใส่เสื้อผ้าสำหรับค้างแรมหนึ่งคืน ของใช้จุกจิก  และหนังสืออีกสองสามเล่ม นั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีบางนา แล้วขึ้นเรือข้ามฟากจากวัดบางนานอก มุ่งหน้าสู่กระเพาะหมูในราคา 4 บาทถ้วน ไม่กี่นาทีเรือก็เทียบท่าวัดบางน้ำผึ้งนอก เมื่อขึ้นฝั่งแล้วจะได้ยินเสียงแจ๋วๆ เรียกให้เช่ารถจักรยานปั่นเที่ยว ก็เลือกตามสะดวกจะปั่นหรือเดิน หากเดินไปบ้านมะขาม ระยะทางราวๆ 700 เมตร วันแดดแรงก็ต้องแลกกับเหงื่อซึมร่าง แต่มันก็คุ้มดี เพราะเหนือทางเดินปูนแคบๆ นั้น บางช่วงเหมือนลอดใต้หลังคาต้นไม้ ธรรมชาติสวยด้วยตัวเอง โดยมนุษย์ไม่ต้องช่วย

 

บ้านมะขามให้บริการเรือนพักเพียง 6 หลัง ในพื้นที่ 3 ไร่ แต่ละหลังเชื่อมกันด้วยสะพานไม้ยกสูงจากพื้นดิน อวดให้เห็นลักษณะพื้นที่เดิมของชุมชนบางน้ำผึ้งซึ่งเป็นท้องร่องสวนปลูกผลไม้ ร่องรอยของคันดินสูงสลับกับร่องน้ำยังเห็นได้ชัดเจน

 

 

สตูดิโอมิติ คือบริษัทสถาปนิกที่สานเจตนารมณ์ของเจ้าของบ้านมะขาม ที่ต้องการรุกรานธรรมชาติให้น้อยที่สุดได้สมปรารถนา บ้านไม้ทั้ง 6 หลัง ผุดพรายเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้ดั้งเดิม เสาเหล็กที่ยกตัวบ้านให้สูงลอยเหนือท้องร่อง หากมองผาดเผินก็คล้ายเสาสูงของเรือนไทยโบราณ ทว่าแท้จริงคือ โครงเหล็กรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดยาวตามตัวบ้าน วางเป็นฐานคร่อมเหนือท้องร่อง เป็นการออกแบบที่หยิบยืมแนวคิดมาจากแชสซี หรือฐานของรถบรรทุกนั่นเอง

 

เวลาเช็กอินเข้าพักของที่นี่ก็ไม่ได้ต่างจากที่อื่นๆ นั่นคือ 14.00 น. ซึ่งก่อนเวลานอนเขลงที่รอคอยจะมาถึง จำเป็นจะต้องเติมท้องให้อิ่มเสียก่อน และตลาดน้ำบางน้ำผึ้งที่อยู่ไม่ห่างก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และเช่นเดิม จะเลือกปั่นจักรยานหรือเดินไปก็ได้ ถ้าเลือกเดินก็จะได้เห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ฟอร์มต้นไม้สวยๆ, บ้านพักอาศัยของคนในพื้นที่, บ้านที่เปิดให้ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น สอนทำธูปหอม และทำผ้ามัดย้อม เป็นต้น

 

 

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งมีอาหารขายหลากหลาย คละหมวดทั้งคาวหวาน พ่อค้าแม่ขายที่นี่มาจาก 6 ตำบล ในพื้นที่กระเพาะหมู เสน่ห์ของตลาดนี้คือ ความจริง เรารู้สึกอย่างนั้น ด้วยไม่มีร้านใหม่ที่แต่งให้เก่า ส่วนใหญ่ดูเป็นตัวเองกันตามปกติ ส่วนหนึ่งของตลาดมีพื้นที่คล้ายเป็นสวนหย่อม กลางพื้นที่มีเวทียกพื้นสูง คนบางน้ำผึ้งรุ่นคุณป้าคุณลุงกำลังเต้นลีลาศอย่างตั้งใจ คลอไปกับเสียงเพลงไทยลูกกรุงที่คุณป้าวัยเดียวกับเหล่านักเต้นกำลังเอื้อนลูกคออยู่ หันมองดูรอบด้าน เหล่าผู้ฟังจำเป็นต่างมีรอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้า ดูมีความสุขอยู่กับปัจจุบันขณะที่ธรรมดาและไม่ประดิษฐ์

 

ขากลับจากตลาด เรามีข้าวเกรียบว่าวแผ่นโตติดมือมาด้วย พ่อค้าอัธยาศัยดีบางคนเอ่ยทักว่า หากออกพ้นตลาดโดยข้าวเกรียบในถุงไม่หักร่วนเสียก่อนก็นับว่าเก่งมาก ค่าที่ว่าเขาคงจะเห็นสภาพข้าวเกรียบว่าวที่แตกร่วนมาแล้วนับไม่ถ้วนครั้ง

 

 

เมื่อกลับเข้าบ้านมะขามอีกครั้ง สิ่งที่รอท่าสำหรับแขกของโรงแรมคือ ม้าฮ่อ ของว่างแบบไทยๆ ที่เสิร์ฟพร้อมน้ำมะขามปั่นผสมใบมินต์ welcome drink ถ้วยนี้เสิร์ฟเย็นเฉียบเต็มแก้ว รสถึงอกถึงใจ ดูดเข้าไปแล้วหายร้อน แทบจะร้องขออีกแก้ว ชื่นมื่นดีแล้วก็ได้เวลาเข้าห้องพักเสียที

 

 

สะพานไม้ที่ยกสูงเหนือท้องร่อง พาเราลัดเลาะเข้าไปในหมู่ไม้ร่มครึ้ม บ้านไม้ทั้ง 6 หลัง กระจายตัวห่างกันในระยะที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว เห็นความละเอียดทั้งขนาดของชิ้นไม้ที่ประกอบเป็นสะพาน และส่วนต่างๆ ของบ้าน แล้วนึกย้อนไปถึงทางปูนแคบๆ ซึ่งเป็นทางเข้าออกหลักของชุมชนนี้ ก็ให้สงสัยว่า ตอนก่อสร้างคงลำบากไม่เบา แล้วก็จริงดังคิด เมื่อได้ฟังจากปากผู้เป็นเจ้าของเฉลยว่า การขนไม้เข้ามานั้นไม่ง่ายเลย สถาปนิกจึงต้องคำนวณขนาดไม้แต่ละท่อนอย่างถ้วนถี่ เพื่อที่จะไม่มีส่วนเหลือทิ้งให้ต้องขนออกไป หรือต้องทิ้งกลายเป็นขยะไปเปล่าๆ

 

 

หน้าตาบ้านพัก หากมองผาดเผินก็ดูเรียบง่ายสะอาดตา ต่อเมื่อวางกระเป๋าแล้วค่อยๆ มองจึงเห็นเสน่ห์นุ่มนวลกลิ่นอายไทยๆ หยอดไว้ตรงนั้นตรงนี้ หน้าต่างรอบด้านเป็นบานกระทุ้งที่ลดทอนลีลาให้ดูเรียบง่ายที่สุด ที่สำคัญอยู่ในระดับต่ำพอดีๆ ยามเรานั่งหรือนอน เพื่อจะให้สีเขียวของแมกไม้ภายนอกเข้ามาอยู่ในสายตาเราได้เสมอๆ หากต้องการความเป็นส่วนตัว ก็ดึงบังตาที่เป็นไม้ท่อนเล็กขึงผ้าสีนวลมาปิด

 

 

พื้นที่หน้าเตียงวางโต๊ะไม้ตัวเตี้ย พร้อมเบาะรองนั่ง กลางโต๊ะเรียงสิ่งอำนวยความสะดวกแบบไทยๆ ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมดี ประกอบด้วย แส้ปัดยุง ไม้เกาหลัง และไม้ตีฟูก อย่างหลังอาจไม่เป็นที่รู้จักนักในหมู่เด็กรุ่นใหม่

 

 

หน้าบ้านแต่ละหลังคือ ชานเรือนขนาดย่อม ด้านหนึ่งเป็นเก้าอี้ยาวมีพนักยึดติดกับตัวบ้าน เป็นมุมอ่านหนังสือที่น่าอภิรมย์มากที่สุดมุมหนึ่ง

 

เมื่อการไม่ทำอะไรเลยนอกจากตามใจตัวเองทุกอย่าง คือจุดประสงค์หลักของการพักผ่อนครั้งนี้ ทันทีที่ปิดประตูบ้าน โลกข้างนอกที่ห่างออกไปแค่มือเอื้อมก็ดูไม่น่าสนใจอีกต่อไป ไม่ว่าจะนอนหลับตาหรือพลิกนิ้วเปิดหนังสืออ่าน ลมพัดใบไม้ไหวคือเสียงที่คลอเป็นเพื่อน ยิ่งตะวันคล้อยต่ำ จักจั่นก็เริ่มกรีดเสียงร้องระงม เป็นเสียงดังที่ฟังดูเดียวดาย เมื่อมองบนฟ้าเห็นแต่ยอดไม้ ปล่อยใจนึกอะไรไปต่างๆ แล้วใจเจ้ากรรมก็ดันเลี้ยวไปคิดถึงอาหารมื้อเย็นเข้าเสียอย่างนั้น คนที่บ้านมะขามบอกเมนูไทยๆ มาหลายอย่าง สะดุดหูอย่างเดียว คือหมูมะดัน เขาบอกว่า ต้นมะดันขึ้นดีแถบริมน้ำ โดยเฉพาะตามพื้นที่สวนดั้งเดิม ท้องร่องสวนแถวนี้ก็ไม่เว้น เพราะฉะนั้นก็เด็ดมาทำกับข้าวเสียเลย และไม่ใช่จะเด็ดใบไหนก็ได้ หากต้องเลือกใบเพสลาดเท่านั้น หมายถึงใบมะดันที่กำลังกึ่งแก่กึ่งอ่อน ฟังน่าสนใจจนต้องคิดว่าเย็นนี้จะกินข้าวสักกี่จานดี  

 

ห่างออกไปเพียงข้ามฝั่งน้ำ สีสัน ควันรถ และเรื่องรกสมอง ถูกกองทิ้งไว้ การมีที่ให้หอบร่างมาทิ้งตัวนอน และปล่อยสมองให้คิดเรื่องอื่นนอกจากการงาน โดยไม่ต้องไปไกลจนสุดหล้าฟ้าเขียว ถือเป็นของขวัญแสนดีที่ไม่ต้องแลกมาด้วยเงินตราราคาแพง ไม่ต้องเป็นคนเดินช้าหรือคนเดินเร็ว แค่เดินออกมาจากที่จำเจบ้าง แหล่งสร้างสมาธิแห่งการพักผ่อนอาจรออยู่ข้างหน้าแค่หัวมุมถนนนี่เอง

FYI
  • Where to Sleep: บ้านมะขาม 38 ตำบลบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 10130 โทร. 08 1597 9566, 08 1905 5015 www.baanmakham.com
  • How to Get There:
    • รถยนต์​ จากวงแหวนอุตสาหกรรมมาซอยเพชรหึงษ์ 26 วิ่งมาตามเส้นทางที่จะมาตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบัวผึ้งพัฒนา ข้ามสะพานจะเจอลานจอดรถด้านขวามือ สามารถเช่าจักรยานหรือเดินก็ได้มาตามเส้นทางเข้าชุมชนบางน้ำผึ้ง หมู่ 2
    • เรือ ลงเรือข้ามฟากจากท่าเรือวัดบางนานอก ข้ามฝั่งมายังวัดบางน้ำผึ้งนอก ขึ้นเรือแล้วให้เดินมาทางเส้นทางชุมชนด้านซ้ายมือ จะเห็นป้ายบอกทางไปบ้านมะขาม ระยะทางประมาณ​ 700 เมตร จะเดินหรือเช่าจักรยานจากร้านที่ท่าเรือปั่นไปก็ได้เช่นกัน
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X