ประเด็นสำคัญ
- จุดเริ่มต้นเรื่องราว ข้อกล่าวหาจากปลายปากกา Tom Wright
- ALPHA Chartered Energy โต้กลับทุกข้อกล่าวหา
- เหตุผลในการลงทุนมาจากปัจจัยพื้นฐาน
- จิ๊กซอว์จากเอกสารราชการ ‘ความผิดปกติ’ ที่ สฤณี อาชวานันทกุล ตั้งข้อสังเกต
- เหตุใด Chartered Group และ CAI อาจไม่ใช่นักลงทุนตัวจริง?
- บอร์ดประกันสังคมเผยความพยายาม ‘ฮุบ’ หุ้นบางจาก
ตลาดทุนไทยร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง เมื่อการเข้าถือหุ้นใน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ของนักลงทุนรายใหม่อาจไม่ได้เป็นเพียงแค่ดีลธุรกิจหรือการลงทุนทั่วไป ท่ามกลางสปอตไลท์ที่จับจ้องโดยอดีตนักข่าวสืบสวนระดับโลก ผู้เคยเปิดโปงคดีฉ้อโกงระดับโลกอย่าง 1MDB
ปมปริศนาครั้งนี้ถูกโยงไปถึงเครือข่ายทุนปริศนาที่อาจเชื่อมโยงกับขบวนการฟอกเงินข้ามชาติ และกลายเป็นหนึ่งในประเด็นที่สังคมกำลังรอคอยข้อเท็จจริงที่อยู่เบื้องหลัง
จุดเริ่มต้นเรื่องราว ข้อกล่าวหาจากปลายปากกา Tom Wright
เรื่องราวครั้งนี้เริ่มต้นจากซีรีส์บทความสืบสวนโดย Tom Wright อดีตนักข่าวของ Wall Street Journal และผู้เปิดโปงคดีฉ้อโกง 1MDB ของมาเลเซีย เขาได้กล่าวหาว่า เบนจามิน มัวร์เบอร์เจอร์ (Benjamin Mauerberger) อาชากรผู้มีประวัติฉ้อโกง คือ ‘นายหน้า’ คนสำคัญที่เชื่อมโยงกับกลุ่มอำนาจในกัมพูชาและไทย
บทความอ้างว่า มัวร์เบอร์เจอร์ “ใช้เวลาตลอดทศวรรษที่ผ่านมาแทรกซึมเข้าสู่วงในของชนชั้นนำทางการเมืองของกัมพูชาอย่างลึกซึ้ง จากการยืนยันของแหล่งข่าวหลายแห่งที่รู้เรื่องนี้โดยตรง เขาเป็นหุ้นส่วนลับของ ยิม เลียก บุตรชายผู้ทรงอิทธิพลของอดีตรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ควบคุมอาณาจักรการเงินและอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่”
เครือข่ายของมัวร์เบอร์เจอร์ ซึ่งมี Capital Asia Investments (CAI) เป็นกลไกสำคัญ ได้ใช้โครงสร้างบริษัทที่ซับซ้อนเข้าซื้อหุ้น BCP โดยเส้นทางการเงินโยงใยไปถึง แคททาลียา บีเวอร์ ภรรยาของมัวร์เบอร์เจอร์เอง ทำให้เกิดข้อกังขาว่าเงินทุนมหาศาลที่ใช้ในการซื้อหุ้นครั้งนี้ อาจเป็นเงินจากเครือข่ายสีเทาที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายในกัมพูชา
บริษัทนี้ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2017 ได้เข้าถือครองหุ้น 14% ใน BCP จากนั้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้ขายหุ้น 9% ให้กับบริษัทไทยชื่อ ALPHA Chartered Energy (ACE) ซึ่งเพิ่งก่อตั้งในปีนี้
หัวใจของข้อกล่าวหาอยู่ที่กลไกการเข้าซื้อหุ้น BCP ซึ่ง Wright อ้างว่าเครือข่ายของมัวร์เบอร์เจอร์ได้ใช้ Capital Asia Investments (CAI) บริษัทจัดการกองทุนในสิงคโปร์ เป็นตัวกลาง ก่อนที่หุ้นจะถูกโอนมายัง ACE ในประเทศไทย
จุดเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดคือ เส้นทางเอกสารของ ACE นำไปสู่ แคททาลียา บีเวอร์ ภรรยาของมัวร์เบอร์เจอร์โดยตรง เนื่องจากบริษัทแม่ของอัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เคยใช้ที่อยู่สำนักงานแห่งเดียวกับ บริษัท เอเพกซ์ เอคควิตี้ เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่แคททาลียาใช้ในการซื้อเพนต์เฮาส์หรู Aman New York Residences มูลค่า 20.3 ล้านดอลลาร์
ALPHA Chartered Energy โต้กลับทุกข้อกล่าวหา
หลังจากเรื่องราวถูกเผยแพร่ ACE ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ เพื่อปฏิเสธข้อกล่าวอ้างที่ปราศจากมูลความจริงและมีเจตนาทำลายชื่อเสียง โดยมีสาระสำคัญดังนี้
เหตุผลในการลงทุนมาจากปัจจัยพื้นฐาน
ACE ยืนยันว่าการเข้าลงทุนใน BCP เกิดจากข้อเสนอของ ณัฐกร อธิธนาวานิช ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Local Partner) ของ Chartered Group ในประเทศไทย และเป็นอดีตที่ปรึกษาจาก McKinsey & Company โดยณัฐกรเล็งเห็นว่า BCP เป็นบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตสูง และมีมูลค่าการลงทุนที่เหมาะสม ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
ถัดมาคือประเด็นโครงสร้างผู้ถือหุ้น ซึ่ง ACE ระบุว่ามีความชัดเจน โดย Alpha Global (ผู้ถือหุ้น 51%) มีณัฐกรเป็นผู้ถือหุ้นเพียงรายเดียว และเป็นผู้มีอำนาจควบคุมเต็มรูปแบบ ส่วน Encore Issuance S.A. (ผู้ถือหุ้น 49%) ได้มีการเปิดเผยผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด (Ultimate Beneficial Owners) ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้รับอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ครั้งที่เข้าซื้อกิจการ บลจ.เอ็มเอฟซี และ ขอยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับนักการเมือง พรรคการเมือง หรือบุคคลตามที่ถูกกล่าวหา
ACE ชี้แจงว่า เงินทุนที่ใช้ในการซื้อหุ้น BCP มาจากความช่วยเหลือทางการเงินแบบไม่มีหลักประกันจากสถาบันการเงินในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Monetary Authority of Singapore (MAS) โดยการสนับสนุนนี้เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือของ Chartered Group
ทั้งนี้ ACE บอกว่า การลงทุนครั้งนี้ถือเป็น Flagship Investment ในระยะยาว โดยมีเป้าหมายที่จะใช้เครือข่ายและความเชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับ BCP อย่างก้าวกระโดดในอีก 3 ปีข้างหน้า และได้เสนอชื่อ ณัฐกร อธิธนาวานิช และ Tomas Koch (อดีต Senior Partner ของ McKinsey & Company) เข้าเป็นกรรมการของ BCP
จิ๊กซอว์จากเอกสารราชการ ‘ความผิดปกติ’ ที่ สฤณี อาชวานันทกุล ตั้งข้อสังเกต
สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียน นักแปล นักวิจัย และนักวิชาการอิสระด้านการเงิน ระบุผ่านบทความว่า จากการศึกษาเอกสารการจดทะเบียนของบริษัทที่จดทะเบียนในไทยซึ่งปรากฎในบทความ ได้แก่ บริษัท อัลฟา โกลบอล, บริษัท อัลฟา ชาร์เตอร์ด เอเนอร์ยี และ บริษัท เอเพกซ์ เอคควิตี้ เวนเจอร์ จำกัด พบข้อมูลจากเอกสารทางการที่ยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องการถือหุ้นและการซื้อหุ้น BCP รวมถึงข้อเท็จจริงอื่นๆ อย่างเช่นการแจ้งเปลี่ยนแปลงที่อยู่บริษัท
ข้อเท็จจริงที่ได้จากเอกสารทางการ “มีมากพอที่จะชี้ให้เห็น ‘ความผิดปกติ’ หลายประการของการเข้าซื้อหุ้น บมจ. บางจาก ของกลุ่ม ‘นักลงทุนลึกลับ’ ที่ใช้ Chartered Group ซึ่งล่าสุดได้ไล่ซื้อหุ้นอย่างรวดเร็วหลังวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นประจำปี เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจาก 2% เป็นมากถึง 20%”
จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารทางการที่เปิดเผยต่อสาธารณะ สะท้อนให้เห็นถึงความผิดปกติที่เป็นปมปริศนาสำคัญ 3 ประการ
- บริษัทตั้งใหม่ กับเงินทุนมหาศาลที่ไม่สมเหตุสมผล
ACE เพิ่งจดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 50 ล้านบาท แต่ภายในเวลาไม่ถึงสามเดือน บริษัทนี้กลับใช้เงินมหาศาลราว 8,600 – 10,000 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อหุ้น BCP ถึง 20% ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเกือบ 200 เท่าของทุนจดทะเบียน คำถามสำคัญคือ ‘ใคร’ คือเจ้าของเงินทุนมหาศาลจำนวนนี้ และเหตุใดจึงต้องใช้บริษัทที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่เป็นเครื่องมือในการลงทุน
- เงื่อนงำเรื่อง ‘นอมินี’ และเจ้าของตัวจริง
เมื่อตรวจสอบลึกลงไป พบว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ 51% ของ ACE คือ บริษัท อัลฟ่า โกลบอล จำกัด ซึ่งก็เป็นบริษัทตั้งใหม่เมื่อเดือนธันวาคม 2567 ด้วยทุนจดทะเบียน 15 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นเกือบทั้งหมด (99.9999%) ของ อัลฟ่า โกลบอล คือ ณัฐกร อธิธนาวานิช ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้ถือหุ้น BCP ทางอ้อมถึง 10.2% คิดเป็นมูลค่าราว 4,400 ล้านบาท
ประเด็นที่น่าสงสัยคือ ชื่อของณัฐกรไม่เคยปรากฏในทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านของไทยมาก่อน จึงเกิดคำถามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า เขาเป็นเจ้าของเงินทุนตัวจริง หรือเป็นเพียงนอมินีที่ถือหุ้นแทนบุคคลหรือกลุ่มทุนอื่นที่ไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้?
- การย้ายที่อยู่บริษัทอย่างน่าสงสัย และความเชื่อมโยงที่ถูกลบ
อัลฟ่า โกลบอล มีการแจ้งเปลี่ยนที่ตั้งสำนักงานถึง 2 ครั้ง ภายในระยะเวลาเพียง 8 เดือนหลังก่อตั้ง ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ ที่ตั้งสำนักงานแห่งแรกของบริษัท อยู่ที่ อาคารเกษร ทาวเวอร์ ชั้น 28 ห้อง D/1 ซึ่งแทบจะเป็นที่อยู่เดียวกับ บริษัท เอเพกซ์ เอคควิตี้ เวนเจอร์ จำกัด ของ แคททาลียา บีเวอร์ (ภรรยาของมัวร์เบอร์เจอร์) ซึ่งตั้งอยู่ที่ ห้อง D/2 ในชั้นและอาคารเดียวกัน
การย้ายที่อยู่อย่างรวดเร็วหลังจากนั้น ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานว่า อาจเป็นความพยายามที่จะลบร่องรอยความเชื่อมโยง ระหว่างกลุ่มผู้ซื้อ กับเครือข่ายของมัวร์เบอร์เจอร์หรือไม่
สฤณีสรุปว่า ความผิดปกติทั้ง 3 ประการนี้ มีน้ำหนักมากพอที่หน่วยงานกำกับดูแลอย่าง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ควรเข้ามาตรวจสอบเพื่อหา ‘เจ้าของหุ้นตัวจริง’ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ควรตรวจสอบ ‘ที่มาของเงินทุน’ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นมูลค่ามหาศาลผ่านบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนต่ำ ซึ่งเข้าข่ายเป็นธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย ตามกฎหมายฟอกเงินอย่างชัดเจน
เหตุใด Chartered Group และ CAI อาจไม่ใช่นักลงทุนตัวจริง?
สฤณีได้วิเคราะห์ลึกลงไปอีกชั้น และให้เหตุผล 4 ข้อว่า เหตุใดชื่อของ Chartered Group และ CAI ที่ปรากฏ จึงอาจเป็นเพียงฉากหน้าของนักลงทุนลึกลับ
เหตุผลข้อแรก โครงสร้างซับซ้อนเกินความจำเป็น นักลงทุนสถาบันตัวจริงมักลงทุนโดยตรง แต่กรณีนี้กลับมีการตั้งบริษัทใหม่ซ้อนกัน 2 บริษัทในไทย ซึ่งเป็นโครงสร้างที่เอื้อต่อการอำพรางตัวตนของผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง มากกว่าการลงทุนที่โปร่งใส
เหตุผลข้อสอง ขัดแย้งกับกลยุทธ์ของ Chartered Group โดย Chartered Group เป็นบริษัท Private Equity ที่เน้นลงทุนในบริษัทเกิดใหม่ (Startup) การทุ่มเงินมหาศาลซื้อหุ้นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ จึงขัดแย้งกับแนวทางการลงทุนของตัวเองอย่างสิ้นเชิง
เหตุผลข้อมสาม กลไก ‘แพลตฟอร์มแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์’ จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทอย่าง Encore Issuances S.A. (ผู้ถือหุ้นใน ACE) ไม่ใช่กองทุน แต่เป็น Securitization Platform ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักลงทุนที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน สามารถนำเงินมาให้แพลตฟอร์มไปซื้อหุ้นแทน โดยนักลงทุนจะได้รับเอกสารคล้ายหุ้นกู้เป็นหลักประกัน ขณะที่ชื่อของนักลงทุนตัวจริงจะไม่ปรากฏในทะเบียนผู้ถือหุ้นเลย ซึ่งนี่คือกลไกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการปกปิดตัวตน
เหตุผลข้อสี่ CAI ขาดความน่าเชื่อถือ โดย CAI ซึ่งเป็นผู้ขายหุ้น Big Lot ให้ ACE มีเว็บไซต์ที่คลุมเครือ ไม่เปิดเผยข้อมูลพอร์ตการลงทุน ซึ่งผิดวิสัยของนักลงทุนสถาบันทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ ยืนยันว่า ภรรยาของมัวร์เบอร์เจอร์ เป็นผู้บริหารกองทุนของ CAI ซึ่งตอกย้ำความเชื่อมโยงกับเครือข่ายดังกล่าว
บอร์ดประกันสังคมเผยความพยายาม ‘ฮุบ’ หุ้นบางจาก
ข้อมูลที่ทำให้ภาพจิ๊กซอว์นี้ชัดเจนขึ้น มาจาก รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนในบอร์ดประกันสังคม ซึ่งได้เปิดเผยข้อมูลประสบการณ์ตรงที่สอดคล้องกับข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น
รศ.ษัษฐรัมย์ ระบุว่า ในปี 2567 ได้มีข้อเสนอขอซื้อหุ้น BCP ทั้งหมดที่ประกันสังคมถือครอง (สัดส่วน 14% มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท) ในรูปแบบ Big Lot ซึ่งเป็นการซื้อขายนอกกระดาน
อย่างไรก็ตาม บอร์ดประกันสังคม โดยเฉพาะอนุกรรมการบริหารการลงทุนและตัวแทนผู้ประกันตน ได้ตั้งข้อสังเกตและ คัดค้านดีลดังกล่าว ด้วยเหตุผลสำคัญคือ
“กลุ่มทุนที่ยื่นข้อเสนอ มีปัญหาในเรื่องการระบุตัวตนและไม่สามารถระบุว่าใครคือผู้ซื้อที่แท้จริง (Ultimate Beneficial Owner) ซึ่งขัดกับหลักการบริหารความเสี่ยงด้านธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง” รศ.ษัษฐรัมย์ ระบุ
ความไม่โปร่งใสดังกล่าว ทำให้ทีมประกันสังคมก้าวหน้าและกรรมการหลายฝ่ายร่วมกันป้องกันไม่ให้การซื้อขายเกิดขึ้น โดยผลักดันให้ปรับสถานะหุ้นบางจากจาก “การลงทุนเชิงยุทธศาสตร์” (ซึ่งถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมมาตั้งแต่ปี 2558) มาเป็นหุ้นปกติที่ต้องซื้อขายตามกลไกตลาด เพื่อปิดช่องทางการขายแบบเจาะจงให้กับกลุ่มทุนที่ไร้ที่มาที่ไป
การเคลื่อนไหวนี้เท่ากับเป็นการยืนยันว่า เคยมีความพยายามของกลุ่มทุนที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้จริง ในการเข้าซื้อหุ้น BCP จำนวนมหาศาลจากหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าที่กลุ่ม ACE จะเข้าซื้อหุ้นจากช่องทางอื่นในตลาด
ณ วันนี้ เรามีข้อมูลที่ปะติดปะต่อกัน ตั้งแต่ข้อกล่าวหาจากสื่อต่างชาติ, คำชี้แจงจากบริษัท, ข้อสังเกตจากเอกสารราชการ และคำยืนยันจากกรรมการในหน่วยงานที่เคยถูกทาบทามโดยตรง
ปมปริศนานี้ใหญ่เกินกว่าที่สังคมจะหาคำตอบได้เอง และเป็นหน้าที่โดยตรงของหน่วยงานต่างๆ ในการตรวจสอบและกำกับดูแล
ข้อเสนอจากฝั่งบอร์ดประกันสังคมที่ต้องการให้การซื้อขาย Big Lot ในอนาคตต้อง เปิดเผยผู้ถือหุ้นชั้นสุดท้าย (UBO) และต้องผ่านกระบวนการประมูลที่โปร่งใส คือมาตรการสำคัญที่หน่วยงานกำกับควรรับไปพิจารณาเพื่อยกระดับธรรมาภิบาลของตลาดทุนไทย
บทสรุปของมหากาพย์นี้ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ความเข้มแข็งของกลไกการตรวจสอบ ว่าจะสามารถสร้างความกระจ่างให้กับทุกข้อกังขา และนำความจริงมาเปิดเผยต่อสาธารณชนได้หรือไม่
ภาพ: Atstock Productions/Shutterstock
อ้างอิง:
- https://whalehunting.projectbrazen.com/epidopng-ekhruue-khaayf-kenginmuulkhaa-1-5-phanlaand-llaar-thii-yuuebuue-nghlangtrakuulchinwatrkh-ngaithy/?fbclid=IwY2xjawM918VleHRuA2FlbQIxMQABHo9VnXDu_r-LxCQrJy2WXtyBSSFqYlwApUpPypDRPIUFPaK09Pw04vzuJf5A_aem_rYirzP6xB1ur5RHakcl4Vw
- https://whalehunting.projectbrazen.com/thaksins-fixer-and-a-cambodian-empires-push-to-control-thai-energy/
- https://fringer.co/mysterious-bcp/
- https://market.sec.or.th/public/idisc/th/Viewmore/r246-2?SearchSymbol=BCP&ListedType=listed&DateType=1&DateFrom=20250301&DateTo=20250430
- https://fringer.co/chartered-cai/
- https://www.facebook.com/sustarum.t/posts/pfbid0dzjv3YdbL2S8uNmbxGh8wY14JGr1CrCZ6rhR6fmtT9VJ3c6EGf2LupDaRwXmc1bzl?rdid=xjBBl7N2G8UoiFw5#