อิรีนา เวเรชชุก (Iryna Vereshchuk) รองนายกรัฐมนตรีของยูเครน ออกมาเรียกร้องชาวรัสเซียไม่ให้รับอุปการะเด็กๆ ชาวยูเครนที่ ‘ถูกขโมยตัว’ ไปจากประเทศในช่วงสงคราม
ตลอดช่วงสงครามกว่า 1 ปีที่ผ่านมา รัสเซียได้ส่งตัวเด็กชาวยูเครนจำนวนมากไปยังรัสเซีย โดยอ้างว่าเป็นโครงการด้านมนุษยธรรมเพื่อปกป้องเด็กกำพร้าและเด็กๆ ที่ถูกทอดทิ้งในพื้นที่ความขัดแย้ง ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ถูกศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ออกหมายจับฐานมีส่วนร่วมก่ออาชญากรรมสงคราม เนื่องจากเป็นผู้สั่งการให้เนรเทศและส่งตัวเด็กๆ ชาวยูเครนไปยังรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เวเรชชุก เปิดเผยผ่าน Telegram ว่า “ดิฉันขอแนะนำให้พลเมืองชาวรัสเซียอย่ารับอุปการะเด็กกำพร้าชาวยูเครนที่ถูกบังคับโยกย้ายถิ่นฐานอย่างผิดกฎหมายจากพื้นที่ที่ถูกรัสเซียยึดครอง… ดิฉันขอย้ำเตือนชาวรัสเซียอีกครั้งว่า ‘พ่อแม่บุญธรรม’ หรือ ‘ผู้ปกครอง’ ทั้งหลาย ไม่ช้าก็เร็ว คุณจะต้องตอบคำถามต่อสิ่งที่เกิดขึ้น”
ด้านสำนักข่าว TASS ของรัสเซียรายงานโดยอ้างคำกล่าวของ วิทาลี กานชีฟ (Vitaly Ganchev) เจ้าหน้าที่ของรัสเซียที่ประจำการอยู่ในเมืองคาร์คิฟของยูเครน ซึ่งระบุว่าเด็กๆ ที่ถูกพาตัวไปรัสเซียนั้นได้รับอนุญาตจากพ่อแม่หรือผู้ปกครองแล้ว และทุกคนล้วนมีความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งรัสเซียจะดูแลเด็กๆ เหล่านี้ต่อไปจนกว่าพ่อแม่ของเด็กพร้อมจะรับตัวกลับ
เด็กที่ถูกบังคับย้ายถิ่นฐานกลุ่มดังกล่าวครอบคลุมถึงเด็กๆ ที่ถูกพาตัวไปจากสถาบันของรัฐบาลยูเครน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ถูกรัสเซียยึดครองไว้ได้ ตลอดจนเด็กๆ ที่ผู้ปกครองส่งไป ‘ค่ายฤดูร้อน’ ตามโครงการของรัสเซียและไม่ได้กลับมาในประเทศอีกเลย รวมถึงเด็กๆ ที่พ่อแม่ของพวกเขาถูกทหารรัสเซียจับกุม และเด็กที่กำพร้าเพราะพ่อแม่เสียชีวิตจากสงคราม ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่อยู่ในพื้นที่ของเมืองเคอร์ซอน คาร์คิฟ ซาปอริซเซีย โดเนตสก์ ลูฮันสก์ และมิโคลาอีฟ
อย่างไรก็ตาม จำนวนของเด็กที่ถูกบังคับโยกย้ายถิ่นฐานนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด โดยข้อมูลเบื้องต้นที่ฝั่งรัสเซียเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ระบุว่า มีเด็กกำพร้าชาวยูเครนอย่างน้อย 400 คนที่มีครอบครัวรัสเซียรับไปอุปการะดูแลแล้ว ขณะที่มีอีกราว 1,000 คนที่กำลังรอคิวอยู่ ส่วนข้อมูลจากทางการยูเครนระบุว่า มีเด็ก 19,514 คนที่ถูกบังคับย้ายถิ่นฐาน ด้านสหรัฐอเมริกาเคยเปิดเผยข้อมูลเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมว่า มีเด็กมากถึง 260,000 คนที่ถูกบังคับส่งตัวไปยังรัสเซีย
ภาพ: Ignacio Marin / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
