บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวม 855.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 26.4 ล้านบาท โดยมี EBITDA จำนวน 396.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%
สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกมีรายได้รวม 2,551.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% และกำไรสุทธิ 152.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.18 บาทต่อหุ้น และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 4% โดยการเติบโตมีปัจจัยหลักจากกลุ่มธุรกิจ Aviation ที่ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทางระหว่างประเทศ
ล่าสุดบริษัทลงนามสัญญาเชื่อมต่อระบบท่อจากคลังน้ำมันสระบุรีไปภาคเหนือกับ Thappline และสัญญาเช่าที่ดิน เพื่อดำเนินการตามโครงการระบบขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2569 และจะเพิ่มปริมาณการขนส่งน้ำมันได้กว่า 700 ล้านลิตรต่อปี พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน BPT เป็น 75.03% จากการชำระเงินเพิ่มทุน 90 ล้านบาท
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS กล่าวว่า “แนวโน้มการเติบโตของปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยาน และอุปสงค์การใช้น้ำมันในประเทศในช่วงที่เหลือของปียังมีทิศทางที่ดี โดยได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะกลับมาคึกคักมากขึ้นในช่วงไฮซีซัน รวมถึงแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อบรรลุเป้าหมายรวมที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งไว้ที่ 36.7 ล้านคน”
นอกจากนี้บริษัทเริ่มมีรายได้จากการขายรถเติมน้ำมันอากาศยานผ่านบริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด (BAFS INTECH) ที่เริ่มส่งมอบให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศแล้ว ขณะที่กลุ่มธุรกิจพลังงานยังคงมองหาโอกาสลงทุนด้านพลังงานทดแทนในพื้นที่ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งในการดำเนินงานท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย