เทรนด์แต่งบ้าน เทรนด์เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงนิยามของที่อยู่อาศัยเคลื่อนไหวอยู่เสมอ บางทีการเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ จึงเป็นหนทางการที่จะนำไปสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน
THE STANDARD จึงขอชวนคนรักบ้านมาร่วมกันเปิดประตูสู่งานดีไซน์ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการคำนึงถึงการออกแบบที่ส่งเสริมความยั่งยืน ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม คน ชุมชน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างชุมชนกับนักออกแบบ ดีไซน์ที่ทำงานร่วมกับชุมชน พัฒนาออกมาเป็นดีไซน์ใหม่ๆ สู่สังคม ที่อาจส่งแรงกระเพื่อมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีต่อชุมชน และขยายเป็นวงกว้างต่อไปใน ‘บ้านและสวนแฟร์ Select 2021’ ภายใต้แนวคิด ‘Open Culture วัฒนธรรมแห่งการเปิดรับและแบ่งปันดีไซน์ที่ดีสู่สังคม’ ณ ไบเทค บางนา ฮอลล์ 98-102 ตั้งแต่วันนี้ถึง 21 มีนาคม 2564
เต้-ดำรง ลี้ไวโรจน์ บรรณาธิการอำนวยการ นิตยสารกลุ่ม Living บริษัท อมรินทร์พรินติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวคิดของ Open Culture ที่ไม่จำกัดแค่วัฒนธรรมแห่งการเปิดรับเรื่องงานออกแบบและที่อยู่อาศัยว่า “อยากให้มองเห็นมากกว่าแค่การเปิดรับ แต่คือการแลกเปลี่ยน แบ่งปัน ถ้าทุกคนมีวัฒนธรรมแห่งการเปิดรับที่ว่านี้ จะทำให้เราสามารถต่อยอดหรือสร้างสรรค์เรื่องใหม่ๆ สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ร่วมกันได้”
มน-นัทธมน ตั้งตรงมิตร บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร Room ขยายประเด็นเรื่องการออกแบบที่จะช่วยยกระดับชีวิตในมุมที่หลายคนยังมองไม่เห็นว่า “หลายคนคิดว่างานออกแบบเป็นเรื่องของความหรูหรา ฟุ่มเฟือย เราจึงอยากสอดแทรกแนวคิด Open Culture วัฒนธรรมของการเปิดรับและแลกเปลี่ยนที่คุณอาจค้นพบมุมมองใหม่ๆ ในงานออกแบบ และเข้าใจว่านี่คือสิ่งสามัญที่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตได้ตั้งแต่สเกลการออกแบบบ้านจนถึงการออกแบบเพื่อสังคม เช่น ทางเท้า พื้นที่สีเขียว”
เปิดประตูบานแรก Archway ‘Open Culture’
ซุ้มประตูทางเข้าเป็นหนึ่งในจุดที่เราเฝ้ารอจะได้เห็นทุกครั้งที่บ้านและสวนจัดงาน ดำรงและนัทธมนเล่าถึงกิมมิกเก๋ๆ ของเส้นสายลายกราฟิกบนซุ้มประตูทางเข้าว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากเส้นโค้งของคำว่า Open “เราตีความคำว่า Open จากบานประตูและหน้าต่างที่จะเห็นเส้นโค้งครึ่งวงกลมจากช่องบานเปิดหน้าต่าง เมื่อเราเชื่อมต่อประตูหลายๆ บานด้วยเส้นสายเชิงเรขาคณิต จะพบว่าเมื่อคุณเปิดประตูเข้าหากันได้ จากประตู 90 องศาจะกลายเป็นประตู 180 องศา และเมื่อต่อกันหลายๆ อันกลายจะเป็นวงกลม สื่อถึงการเปิดรับแบบไม่จำกัด และเส้นสายที่เชื่อมโยงก็พูดถึงการเชื่อมต่อประตูแต่ละบาน กลายเป็นเส้นสายที่ซ้อนกันของกรอบประตูอย่างไม่รู้จบ เป็นการตีความคำว่า Open ผ่านกราฟิกให้คนสามารถเข้าถึงได้”
หากสังเกตให้ดี ซุ้มประตูจะถูกออกแบบให้เป็นเลเยอร์ของประตูหลายบานทับซ้อนกัน เหมือนกำลังเชื้อเชิญให้เลือกเปิดประตูบานใดก็ได้ที่คุณสนใจเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ภายในงาน ขณะเดียวกันคุณจะได้เห็นลวดลายกราฟิกเหล่านี้ล้อไปกับการตีความของแต่ละโซนอีกด้วย
Open Space เปิดพื้นที่งานออกแบบให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ชีวิตที่โซน Room Showcase
ประตูบานแรกที่อยากชวนคุณเปิดเข้าไปเมื่อเดินเข้ามาในงานคือ Room Showcase โซนพระเอกของงานที่จะช่วยปูภาพใหญ่เทรนด์การออกแบบของงานครั้งนี้ได้ชัดขึ้น ซึ่งปีนี้นำเสนอผ่านการออกแบบ Open Space จัดสรรพื้นที่ให้เป็นจุดนั่งพัก พื้นที่สาธารณะกึ่งเอาต์ดอร์คล้ายชานบ้านและระเบียงร้านอาหาร ภายในโซนนี้ยังมีร้านหนังสือ คาเฟ่ และดนตรี เพื่อเชื้อเชิญให้คนมารวมตัวและใช้ประโยชน์ร่วมกัน
เราอยากให้คุณใช้เวลาพินิจนิทรรศการ Betterism ที่นำเสนองานออกแบบที่ดีต่อโลก ต่อเรา ต่อสังคม โดยครั้งนี้ถูกเล่าภายใต้หัวข้อ Open Culture ไอเดียที่สะท้อนการออกแบบเพื่อสนับสนุนสังคม คัดเลือกผลงานจากภาครัฐ เอกชน และกลุ่มบุคคล
“Betterism เป็นนิทรรศการที่เราพยายามทำต่อเนื่องเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับโชว์ผลงานของนักออกแบบที่เขาสนใจงานออกแบบที่ดีต่อโลก ดีต่อเรา และดีต่อสังคม ถ้าเดินดูจะพบว่าหลายไอเดียเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เขาพยายามจะยกระดับการใช้ชีวิตด้วยงานออกแบบ ใช้วัสดุใกล้ตัว ไม่ใช้วัสดุหรูหรา แต่ตอบโจทย์ได้” นัทธมนเล่าถึงจุดเริ่มต้นของนิทรรศการ Betterism
“เหมือนที่ Room เชื่อมาตลอดว่าการออกแบบมีส่วนทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ เพราะคำว่า Betterism เกิดจากความเชื่อว่าเราทุกคนสามารถทำให้โลกดีขึ้นกว่านี้ได้ นอกจากการเลือกงานออกแบบที่ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นแล้ว ภายใต้คำว่าดีมันมีคำว่าดีกว่า เช่น ของสองสิ่งดีไซน์เหมือนกัน ราคาเท่ากัน แต่สิ่งหนึ่งทำมาจากวัสดุรีไซเคิล ถ้าคุณเลือกชิ้นนี้ก็จะได้เป็นส่วนเล็กๆ ในการช่วยลดการทำลายโลก หรืองานออกแบบที่ทำโดยคนที่ขาดโอกาสทางสังคม ถ้าเราช่วยสนับสนุนก็เท่ากับเรามีส่วนผลักดันในการกระจายรายได้สู่ผู้ด้อยโอกาส” ดำรงเล่าเสริม
ตัวอย่างของการเป็นส่วนเล็กๆ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตและผลักดันสังคมที่เห็นในงานนี้คือการจับมือกันระหว่าง ‘บ้านและสวน’ ที่ร่วมออกแบบกับ ‘ทีมแม่แจ่มโมเดลพลัส’ ใช้โครงสร้างและเฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่จากชุมชนและหน่วยงานในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ สำหรับใช้เป็นส่วนตกแต่งในงานแฟร์และพัฒนาความสามารถของชุมชนแหล่งผลิต
Open Playground จูงน้องหมาน้องแมวมาสนุกใน Pets Zone
เปิดประตูบานต่อไปสู่โลกของคนรักสัตว์ อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานที่จำลองคอมมูนิตี้อันแสนอบอุ่น ให้คุณพาน้องหมาน้องแมวมาร่วมสนุกกับของเล่นที่ออกแบบให้น้องๆ ได้ปลดปล่อยพลังกันเต็มที่ ส่วนคุณเองห้ามพลาดกิจกรรมเวิร์กช็อป เช่น DIY ไอเท็มน่ารักๆ ให้น้องหมาน้องแมว ที่สำคัญยังมีความรู้ดีๆ จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในการดูแลน้องหมาน้องแมวให้อารมณ์ดีและมีสุขภาพแข็งแรง หรือใครอยากปรึกษาเป็นการส่วนตัวก็มีคลินิกที่สอนวิธีการดูแลน้องๆ กันอย่างใกล้ชิด
“เราพยายามสื่อสารเสมอว่าสัตว์เลี้ยงก็คือสมาชิกในบ้าน ช่วงปีที่ผ่านมาคนอยู่บ้านมากขึ้น มีเวลามากขึ้น เราจึงเปิดเพจ ‘บ้านและสวน Pets’ กลายเป็นคอมมูนิตี้ที่มีคนเข้ามาปรึกษา หาความรู้ เรามีสัตวแพทย์เป็นที่ปรึกษา เครือข่ายโรงพยาบาล ร้านอาหารหรือคาเฟ่ที่ให้สัตว์เลี้ยงเข้าไปได้ จนกลายเป็นข้อมูลที่นำมาพัฒนาต่อสู่ ‘บ้านและสวน Pets Application’ ศูนย์กลางของคนรักสัตว์เลี้ยง ผู้ช่วยคนสำคัญที่จะทำให้การดูแลสัตว์เลี้ยงสนุกและครอบคลุมที่สุด ซึ่งจะเปิดตัวภายในงานนี้ด้วย”
รับรองว่าเหล่าทาสหมาทาสแมวจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของคอมมูนิตี้แห่งนี้ ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน เหล่าน้องหมาน้องแมวได้พบปะเพื่อนใหม่ และก่อนจะเดินไปเปิดประตูบานต่อไป อย่าลืมช้อปขนม ของใช้ ของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงที่คัดสรรมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ อย่าลืมรับปลอกคอ สายจูง และลูกบอลสำหรับน้องแมวฟรีสำหรับผู้เข้าร่วมงานด้วยล่ะ
สามารถดาวน์โหลด ‘บ้านและสวน Pets Application’ ได้ทั้งระบบ iOS และ Android ที่ www.baanlaesuan.com/pets/petsapp
ติดตามรายละเอียดและอัปเดตข่าวสารจากบ้านและสวน Pets ได้ที่ www.facebook.com/BaanlaesuanPets/
Natural Climate เข้าใจการเติบโตของธรรมชาติ แค่เปิดประตูเข้าไปในโซน Open Garden
นานวันเข้ามนุษย์ก็ยิ่งโหยหาธรรมชาติ แต่จะอยู่ร่วมกันอย่างไรโดยไม่ทำร้ายกัน จึงเป็นที่มาของเรื่องราวหลังประตูบานนี้ที่มาพร้อมคอนเซปต์ ‘Natural Climate เข้าใจการเติบโตของธรรมชาติ’ ด้วยการนำรูปแบบการเจริญเติบโตของพืชตามสภาพแวดล้อมท้องถิ่นเป็นตัวตั้ง แล้วตามด้วยเทรนด์หรือสไตล์ที่ตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้สวนให้สะดวกสบายและยั่งยืนยิ่งขึ้น แบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ พืชทนแล้ง, ไม้แดดกินได้, พืชชุ่มน้ำ และพรรณไม้ต่างถิ่น ที่เจริญเติบได้ในสภาพแวดล้อมของประเทศไทย
“ทีมบ้านและสวนตีความคอนเซปต์ Open Culture นำเสนอผ่านพันธุ์ไม้กับพื้นที่อยู่อาศัย ปกติเราจะคุ้นเคยกับพืชที่ทนกับสภาพแวดล้อมบ้านเรา แต่ถ้าลองเปิดกว้างจะพบว่ามันมีพืชทนแล้งด้วยนะ หรือพืชเมืองหนาวจะเติบโตในสภาพแวดล้อมบ้านเราอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้มีการศึกษากันมานานแล้ว พันธุ์ไม้จะมีการปรับตัวส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือกระบวนการเลี้ยงดูทำให้มันเติบโตตามสภาพแวดล้อม”
นั่นหมายความว่าคนรักต้นไม้ที่มาโซนนี้จะได้เห็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สามารถปรับตัวได้เมื่อมันได้เรียนรู้สภาพแวดล้อมท้องถิ่น เช่น พันธุ์ไม้ต่างถิ่นที่เติบโตได้อย่างงดงามในสภาพอากาศของประเทศไทย พร้อมเรียนรู้วิธีการดูแลพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่บ้าน และสวนคัดสรรองค์ความรู้จากหนังสือให้กลายเป็นประสบการณ์จริงที่คุณต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง
ติดตามข่าวสารได้ทางเฟซบุ๊กเพจ https://www.facebook.com/BaanlaesuanGardenAndFarm/
Open Book เปิดโลกนักอ่านกับสำนักพิมพ์บ้านและสวน
ประตูร้านหนังสือครั้งนี้อบอวลไปด้วยบรรยากาศคาเฟ่ ท่ามกลางกุหลาบสวยๆ ที่พร้อมจะมอบความรู้และแรงบันดาลใจให้คุณเก็บไปทำตามที่บ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพันธุ์กุหลาบ โรงเรือนขนาดย่อม ฟังก์ชันอเนกประสงค์จากพื้นที่ใต้ถุนบ้าน และการทำเกษตรเพื่อสร้างรายได้หลังเกษียณ พร้อมหนังสือตัวอย่างที่ใช้เป็นแรงบันดาลใจให้ได้ลองอ่านระหว่างจิบเครื่องดื่มสูตรพิเศษที่ทำจากกุหลาบ ซึ่งมีให้ชิมเฉพาะในงานนี้เท่านั้น
Art & Craft สารพัดสินค้าดีไซน์เก๋ที่ Select ด้วยใจจากทีมงานบ้านและสวน
บานประตูที่เปิดต้อนรับนักช้อปที่ไม่ยอมตกขบวนสินค้าดีไซน์เก๋ๆ โซนฮิตของคนฮิปๆ THE STANDARD สำรวจแล้วพบว่าปีนี้มีร้านใหม่ๆ งานดีไซน์เก๋ๆ เพียบ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัว จานชาม ของแต่งบ้าน ของใช้ที่เป็นงานฝีมือ บางร้านผลิตสินค้ารุ่นลิมิเต็ดมาขายเฉพาะงานนี้เท่านั้น ถ้าใจไม่แข็งพอ รู้ตัวอีกทีกระเป๋าเบาได้ง่ายๆ นะบอกเลย
Chang Green Oasis จิบน้ำเย็นๆ ฟังดนตรีชิลๆ ในบรรยากาศสุดร่มรื่น
อย่าเพิ่งรีบเปิดประตูทางออก แนะนำให้แวะมาพักที่โซน Chang Green Oasis ที่จัดเอาไว้เพื่อให้บำบัดกายหลังจากเดินชมและช้อปจนเกือบทั่วงาน นั่งฟังเพลงจากนักดนตรีหลากหลาย ดื่มด่ำกาแฟ Asian Blend ที่อยากให้คุณได้มาลิ้มลอง หายเมื่อยแล้วค่อยลุยช้อปกันต่อก็ยังได้
เวลา 5 วันสำหรับคนชอบแต่งบ้านแต่งสวนในการเดินชมงานอาจจะน้อยไป ทีมงานบ้านและสวนจึงเตรียมเชื่อมต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน ต้นไม้ และสินค้าไอเดียเก๋ๆ ในรูปแบบ Online และ On Ground ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
“โจทย์ของเราคือจะทำอย่างไรคนที่มางานและอาจจะยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อสามารถซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วยโปรโมชันเดียวกันกับในงาน และคนที่ไม่สะดวกมางานจริงๆ จะได้รับรู้ข้อมูลและโปรโมชันเดียวกัน ซึ่งเรามีแพลตฟอร์ม Amavata.com อยู่แล้ว จึงต่อยอดทำ Online Fair ในชื่อ ‘บ้านและสวน x Amvata.com Online Fair’ ร่วมมือกับร้านที่มาออกบูธ คัดสรรสินค้าคุณภาพดีพร้อมโปรโมชันเดียวกับในงาน สามารถช้อปผ่าน www.Amvata.com ได้ตั้งแต่วันที่ 20-27 มีนาคมนี้”
ไม่ว่าอย่างไร ประสบการณ์ของการเดินดู เลือก ลอง สัมผัสสินค้า เฟอร์นิเจอร์ ต้นไม้ หรือพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เชี่ยวชาญในงานอีเวนต์จริงๆ ก็ยังไม่มีอะไรทดแทนได้ ถ้าพรุ่งนี้จนถึงสุดสัปดาห์คุณยังไม่มีแผนจะไปไหน THE STANDARD ชวนคุณเปิดประตูบ้านแล้วออกมาสำรวจเทรนด์การออกแบบที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 21 มีนาคม 2564 ที่ไบเทค บางนา ฮอลล์ 98-102
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์