วันนี้ (29 เมษายน) สมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนพฤษภาคม 2563 ว่าส่วนมากมีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า ได้แก่
ข้าว สาเหตุเพราะการระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกอย่างอินเดียและเวียดนามมีมาตรการล็อกดาวน์และชะลอการส่งออกข้าว ขณะที่ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวอันดับ 1 ของโลก อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าข้าวเพิ่มเติม ขณะที่ภัยแล้งยังทำให้ผลผลิตข้าวเหนียวนาปรังลดลง
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 9,525-10,412 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น 1.10-10.52% จากเดือนก่อนหน้า
ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 14,496-14,579 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น 0.88-1.46% จากเดือนก่อนหน้า
ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 15,774-15,912 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น 1.85-2.73% จากเดือนก่อนหน้า
ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.54-7.60 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 0.30-1% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ขณะที่ความต้องการใช้ในการผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น จากปัญหาด้านการขนส่งจากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ผู้ประกอบการมีอุปสรรคในการนำเข้าวัตถุดิบอื่นมาผลิตอาหารสัตว์
ด้านน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 10.24-10.73 เซนต์ต่อปอนด์ (7.35-7.70 บาทต่อกิโลกรัม) เพิ่มขึ้น 5-10% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากความกังวลต่อปริมาณผลผลิตอ้อยทั่วโลกที่ลดลง จากสภาพอากาศที่แห้งแล้งในประเทศผู้ผลิตสำคัญ จึงมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำตาลจะลดลง ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อเพิ่มขึ้น
มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.75-1.80 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 0.57-3.45% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากประเทศคู่ค้าของไทยเริ่มมีการเปิดเมืองและผ่อนปรนด้านการขนส่งระหว่างประเทศ จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลาย ส่งผลให้การส่งออกมันสำปะหลังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น
ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 3.09-3.14 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 0.32-2.27% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากคาดว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้กิจการบางส่วนสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ จึงเป็นโอกาสให้ความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลและน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น
สุกร ราคาอยู่ที่ 68.89-69.09 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 2.79-3.09% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากสภาพอากาศของไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อน ส่งผลให้สุกรเติบโตช้า ทำให้ผลผลิตสุกรออกสู่ตลาดน้อยลง ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นจากแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งคาดว่าธุรกิจบางประเภทจะกลับมาเปิดให้บริการหลังสิ้นสุดมาตรการดังกล่าว
กุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม ราคาอยู่ที่ 127-129 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 1.60-3.20% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งและการเฝ้าระวังโรคระบาด ทำให้เกษตรกรปรับลดพื้นที่และชะลอการลงลูกกุ้ง รวมถึงชะลอการจับกุ้งออกจำหน่าย ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง
ทั้งนี้ สินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ยางพาราแผ่นดิบ ซึ่งคาดว่าราคาจะอยู่ที่ 31.50-32.95 บาทต่อกิโลกรัม ลดลง 0.60-4.98% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมจะมีการเปิดหน้ากรีดยางพาราทั่วประเทศ ทำให้มีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ยางพาราธรรมชาติลดลงจากราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ อีกทั้งประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ายางพารารายใหญ่ยังใช้มาตรการล็อกดาวน์ จึงทำให้ผู้ประกอบการชะลอรับซื้อน้ำยางสดในประเทศ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์