ราชาด นาบีเยฟ รัฐมนตรีคมนาคมอาเซอร์ไบจาน เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนกรณีเครื่องบินของสายการบิน Azerbaijan Airlines เที่ยวบินที่ 8243 ประสบเหตุตกเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยพบว่าเครื่องบินได้รับ ‘การรบกวนจากภายนอก’ และได้รับความเสียหายทั้งภายในและภายนอก ขณะที่พยายามลงจอดในสาธารณรัฐเชชเนียทางตอนใต้ของรัสเซีย
นาบีเยฟระบุว่า “ผู้รอดชีวิตทุกคนต่างให้การยืนยันว่าได้ยินเสียงระเบิด 3 ครั้ง ขณะที่เครื่องบินอยู่เหนือเมืองกรอซนีย์”
โดยก่อนหน้านี้ปรากฏรายงานจากสื่อหลายสำนักที่เชื่อว่าเครื่องบินถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียโจมตี ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางบินข้ามทะเลแคสเปียนไปยังคาซัคสถาน และประสบเหตุตกจนมีผู้เสียชีวิต 38 คน
ด้านรัฐบาลรัสเซียปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น แต่หัวหน้าสำนักงานการบินพลเรือนของรัสเซียกล่าวว่า สถานการณ์ในกรอซนีย์ ‘ซับซ้อนมาก’ ในขณะนั้น และได้มีการปิดน่านฟ้าแล้ว
ขณะที่ ดมิทรี ยาดรอฟ หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางอากาศของรัฐบาลกลางรัสเซีย กล่าวในวิดีโอแถลงการณ์ที่เผยแพร่ผ่านสำนักข่าว TASS ว่า “โดรนของยูเครนกำลังเปิดฉากโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนในเมืองกรอซนีย์และวลาดิคัฟคาซ
“ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการนำ ‘แผนปูพรม’ มาใช้ในพื้นที่สนามบินกรอซนีย์ และให้เครื่องบินทั้งหมดออกจากพื้นที่ที่กำหนดทันที” เขากล่าว และเสริมว่า “นอกจากนี้ ยังมีหมอกหนาในบริเวณสนามบินกรอซนีย์ด้วย”
ก่อนหน้านี้ จอห์น เคอร์บี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐฯ เห็นสัญญาณเบื้องต้นที่บ่งชี้ว่าเครื่องบินของ Azerbaijan Airlines อาจถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียยิงตก แต่ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
The Washington Post รายงานข้อกล่าวอ้างของเคอร์บีว่า “สัญญาณที่สหรัฐฯ ได้เห็นนั้นเกินกว่าภาพถ่ายของเครื่องบินที่ได้รับความเสียหายซึ่งเผยแพร่กันทั่วไป”
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินในอาเซอร์ไบจานเชื่อว่าระบบ GPS ของเครื่องบินได้รับผลกระทบจากการรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนจะได้รับความเสียหายจากสะเก็ดระเบิดของขีปนาวุธที่ยิงจากระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย
โดยรัฐมนตรีคมนาคมอาเซอร์ไบจานยังเผยว่า ทางการจะดำเนินการตรวจสอบว่าอาวุธหรือจรวดชนิดใดที่โจมตีเครื่องบินของ Azerbaijan Airlines
ภาพ: Anadolu via Reuters Connect
อ้างอิง: