“ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นกัน!” คำเชิญชวนและคำตอบของใครหลายคนเมื่อวางแผนเที่ยวในช่วงนี้ของปี และแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ตั้งเป้าไปเยือนจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยม ซึ่งมักจะไม่ได้รวมกรุงโตเกียวเอาไว้ด้วย ราวกับว่านครหลวงแห่งเกาะญี่ปุ่นมีไว้เพื่อชิมและช้อปเท่านั้น ซึ่งเราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ใจร้ายกับโตเกียวแบบนี้มาตลอด แต่การเดินทางมาเยือนในครั้งนี้ (ปลายเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว) เราตั้งใจไว้ว่าจะต้องหาที่ดูใบไม้เปลี่ยนสีที่โตเกียวให้ได้ โดยเฉพาะต้นแปะก๊วยเหลืองอร่ามงามแท้จนแม่กรี๊ด
ปักหมุดแรกกันที่สวนอุเอโนะ สวนนี้เรียกได้ว่าเป็นแหล่งดูใบไม้เปลี่ยนสีชั้นยอด อยู่ประชิดติดกับสถานี Ueno ด้วยความที่เป็นสวนสาธารณะ ต้นไม้ก็เยอะแยะมากมายมหาศาลอยู่แล้ว พอถึงฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ทั้งหลายที่ได้สัมผัสสายลมเย็นก็แข่งกันเปลี่ยนสี ไล่โทนกันไปเลย เขียว เหลือง ส้ม แดง
สวนอุเอโนะ
สำหรับเรา จุดที่ตราตรึงตะลึงกับสีสดๆ มากที่สุดเห็นจะเป็นดงต้นแป๊ะก๊วยรอบๆ อนุสาวรีย์ของท่านซามูไร ไซโง ทากาโมริ ใกล้ๆ ฝั่งสถานี Keisei Ueno แนะนำให้แวะซื้อกาแฟร้อนๆ กับขนมอบอุ่นๆ มานั่งกินใต้ต้นไม้ ชมลมพัดใบไม้ร่วง รับรองว่ารู้สึกดีสุดๆ ในสวนอุเอโนะไม้ได้มีแต่ต้นไม้นะ แต่ยังมีทั้งสวนสัตว์ ทะเลสาบ และศาลเจ้าโบราณอีกหลายแห่ง เดินถ่ายรูปเพลินๆ ได้หลายชั่วโมงแน่นอน
อีกที่ที่จะต้องมาเห็นกับตาตัวเองให้ได้คือถนนสายแปะก๊วย Jingu Gaien Ginkgo Avenue การเดินทางก็ง่ายมาก ขึ้นรถไฟ JR มาลงที่สถานี Shinanomachi หรือรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Aoyama Itchome จากนั้นเดินต่ออีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว เราเลือกมาตั้งแต่ก่อน 8 โมงเช้าเล็กน้อย เพราะยิ่งสายคนยิ่งเยอะ และอาจจะเยอะจนถ่ายรูปมาแล้วติดแต่คน เพราะมันเป็นถนนที่ขึ้นกล้องมาก
ตลอดระยะทางประมาณ 300 เมตร ต้นแปะก๊วยที่มีทั้งหมดร้อยกว่าต้นพร้อมใจกันสลัดใบสีเหลืองทองมาห่มคลุมทุกตารางนิ้วของทางเท้าใต้อุโมงค์ต้นไม้ ตลอดทางเดินมีม้านั่งให้หยุดพักชมความงามเป็นช่วงๆ บ้างก็มีคุณป้านั่งชิล มีนักเรียนปั่นจักรยานผ่าน ใบไม้ร่วงโปรยปรายยามสายลมหนาวพัดมากระทบ เรียกได้ว่าเป็นเช้าที่คุ้มค่ากับการตื่นนอนมาก ใครต้องการไปชม แนะนำให้เดินทางช่วงปลายพฤศจิกายนถึงต้นธันวาคม ถ้ามาก่อนอาจได้เห็นอุโมงค์ต้นไม้เหลืองๆ เขียวๆ แทน แต่ก็น่าจะสวยไปอีกแบบ
Jingu Gaien Ginkgo Avenue
Jingu Gaien Ginkgo Avenue
สำหรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ โตเกียวก็มีที่ให้เยี่ยมเยือนได้หลายที่ แต่เส้นทางที่จะแนะนำต่อไปนี้เป็นเส้นทางที่บังเอิญเดินไปเจอ หลายคนอาจเคยไปเที่ยวศาลเจ้าเมจิแล้ว และรู้ว่าเป็นศาลเจ้าสำคัญระดับประเทศ ใช้ประกอบพิธีใหญ่ๆ มากมาย รวมถึงพิธีชินโตที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์
ที่นี่ถือเป็นศาลเจ้าใจกลางเมืองที่รายล้อมด้วยป่าปลูกขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถกรองเสียงรถราและความวุ่นวายย่านฮาราจุกุจนมลายหายไปหมดสิ้น เหลือแค่นักท่องเที่ยวจำนวนมากบนถนนหลักซึ่งเป็นทางเดินสู่ศาลเจ้าที่รบกวนความสงบของเทพเจ้าอยู่บ้าง ซึ่งตอนเดินเข้าเราใช้เส้นทางนี้ แต่พอขากลับออกมาเราเลือกเดินตามคุณป้าชาวญี่ปุ่น ผ่านซุ้มประตูไม้ที่ไม่มีนักท่องเที่ยวสนใจสักนิด เพราะภาพป่าและต้นไม้สูงใหญ่ด้านหลังเสาโทริอินั้นช่างดึงดูดให้เดินเข้าไปหาเสียเหลือเกิน
เราเดินตามทางสายเล็กทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามันจะพาไปออกที่ไหน รอบตัวสงบมาก ตัดขาดจากความเป็นเมืองแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ ถนนลาดยางสีเข้มพาลัดเลาะผ่านต้นไม้ใหญ่ หากลองเงียบและหยุดฟังจะได้ยินเสียงธรรมชาติคุยกัน นกจุ๊บจิ๊บ ใบไม้กระซิบ เสียงกระรอกวิ่งไล่กันบนกิ่งไม้
บางช่วงมีต้นแปะก๊วยสูงใหญ่อวดใบสีเหลืองทองท่ามกลางป่าสีเขียวเข้ม เป็นอีกมุมของความงามในฤดูใบไม้ร่วง ตลอดระยะทางซึ่งเราเดินอ้อยอิ่งอยู่ครึ่งชั่วโมง เจอแค่นักท่องเที่ยว 1 คน เหมาะมากสำหรับใครที่รักความสงบ ส่วนพิกัดทางเข้า เอาเป็นว่าอยากให้ลองเดินเดาสุ่มแบบเราดีกว่า ซึ่งคุณอาจได้เจอมุมที่น่าประทับใจกว่านี้ก็ได้ รับรองว่าหาไม่ยาก บางครั้งเที่ยวแบบไม่เดินตามแพลนสนุกกว่า และพาคุณไปเจอสิ่งใหม่ได้มากกว่าที่คุณคาดหวัง